ที่มาดาวพระเคราะห์

ที่มาอิทธิพลของดาวพระเคราะห์

          บนท้องฟ้าหรือปรมาตมัน นอกจากจะมีจักรราศีหรือเส้นระวิมรรคหรือเส้นทางโคจรของดวงอาทิตย์รอบโลกแล้ว ยังมีดาวพระเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาลอีกจำนวนหนึ่งที่มีสภาพเป็นปรมาตมันเมื่อเทียบกับโลก จากสมาการแห่งจักรวาลข้อที่ 1 นี่เองที่ทำให้นักโหราศาสตร์ให้ความสนใจดาวพระเคราะห์ทั้งหลายว่าควรจะอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกันกับโลก นั่นคือ ดาวพระเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาลก็น่าจะมีผลต่อโลกเช่นเดียวกันกับจักรราศี โดยอาศัยหลักธรรมชาติเรื่อง “วัย” เมื่อเทียบการโคจรใกล้ไกลจากดวงอาทิตย์หรือลำดับความเร็วในการโคจรของดาวพระเคราะห์ กับธรรมชาติของชีวิตที่พัฒนาการไปตั้งแต่เกิดจนตาย พบว่ามีความสอดคล้องกันเป็นอย่างยิ่ง ดาวพระเคราะห์ที่โคจรเร็วเทียบได้กับวัยเด็ก ดาวพระเคราะห์ที่โคจรช้าก็หมายถึงวัยที่มากขึ้นจนถึงวัยชรา ดาวพระเคราะห์ดวงใดตรงกับชีวิตวัยใด ก็จะมีอิทธิพลเทียบได้กับชีวิตในวัยนั้น

            เราสามารถพิจารณาดาวพระเคราะห์ได้เป็นสองระบบ คือ

1. ระบบดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง (Heliocentric) หรือระบบสุริยจักรวาลลำดับการโคจรรอบดวงอาทิตย์ก็จะเป็นไปตามความจริง ซึ่งเรียงลำดับได้ดังนี้ พุธ ศุกร์ โลก อังคาร พฤหัส เสาร์ มฤตยู เนปจูนและพลูโต มีการนำมาใช้ในกิจกรรมการพยากรณ์บ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะในต่างประเทศ แต่ไม่แพร่หลายนัก

2. ระบบโลกเป็นศูนย์กลาง (Geocentric) ใช้ในกิจกรรมทางโหราศาสตร์เท่านั้น ดาวพระเคราะห์ที่โคจรรอบโลกเรียงลำดับเรียงลำดับได้ดังนี้ จันทร์ พุธ ศุกร์ อังคาร พฤหัส เสาร์ มฤตยู เนปจูน และ พลูโต (เรียงลำดับตามอัตราการโคจรเมื่อมองออกไปจากโลก) นักโหราศาสตร์สามารถตีความเข้าถึงอิทธิพลของดาวพระเคราะห์ได้โดยอาศัยสมการแห่งจักรวาลและการอุปมา

            จากการพิจารณาระยะใกล้ไกลของดาวพระเคราะห์ เรียงลำดับได้ดังนี้ อาทิตย์ – จันทร์ – พุธ – ศุกร์ – อังคาร – พฤหัส – เสาร์ – มฤตยู – เนปจูน – พลูโต

            ชีวิตเริ่มต้นจากการปฏิสนธิเกิดเป็นชีวิตในครรภ์ ซึ่งเทียบได้กับอาทิตย์ แสดงว่าชีวิตเกิดขึ้นก่อนการคลอดจากครรภ์มารดาโดยแฝงอยู่ในเชื้อพันธุ์หรือสเปอร์มของบิดา อาทิตย์นอกจากจะหมายถึงชีวิตแล้ว ยังหมายถึงบุคคลเพศชาย สามี บิดา สเปอร์ม หมายถึงสิ่งที่กายทั้งหลาย เพราะสิ่งที่กายดำรงอยู่ได้พลังงานจากดวงอาทิตย์นั่นเอง รวมหมายถึงสิ่งที่มีความโดดเด่นทุกรูปแบบ จะเห็นว่าอิทธิพลของดวงอาทิตย์ยังเทียบได้กับราศีสิงห์

          จันทร์มีธรรมชาติเทียบเคียงได้กับวัยทารก ซึ่งเป็นวัยถัดมา จะเห็นได้ว่าเด็กทารกมักจะมีผิวพรรณผุดผ่องขาวนวลเหมือนพระจันทร์ข้างขึ้น ใบหน้ามักกลม พระจันทร์จึงมีอิทธิพลรุนแรงในวัยทารก จันทร์หมายถึง จิตใจ อารมณ์ ภรรยา บุคคลเพศหญิง สิ่งที่อ่อนไหวทั้งปวง ธรรมชาติของจันทร์จะสอดคล้องกับธรรมชาติของราศีกรกฎเป็นอย่างยิ่ง ถัดจากวัยทารกก็มาถึงวัยเด็กหรือวัยรุ่นหรือวัยเรียนวัยศึกษา ถ้าเปรียบเทียบกับพุธจะเห็นว่าพุธเป็นดาวพระเคราะห์ดวงเล็ก มีการโคจรรวดเร็วคล่องแคล่ว ปราดเปรียว สอดคล้องกับธรรมชาติของวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี

            นักโหราศาสตร์จึงสามารถทราบอิทธิพลของพุธได้โดยเทียบกับธรรมชาติของวัยดังกล่าว พุธจึงเป็นตัวแทนของการใช้ความคิด การติดต่อ การเรียนรู้ การศึกษา การพูดจา การสมาคม การเคลื่อนไหว ความเฉลียวฉลาด พุธเทียบได้กับความหมายของราศีมิถุนและราศีกันย์

            ถัดจากวัยรุ่นก็มาถึงวัยรัก วัยหนุ่มสาว ศุกร์มีอิทธิพลแทนวัยดังกล่าว ศุกร์จึงเป็นดาวแห่งความรัก ความสุข ความสวยงาม ความสงบสุข หญิงสาว เงินทอง โชคเล็ก สิ่งที่น่ารื่นรมย์ทั้งหลาย ความหมายของศุกร์เทียบได้กับความหมายของราศีพฤษภและราศีตุลย์

            ถัดจากวัยรักก็มาวัยฉกรรจ์ เป็นหน้าที่ของอังคารที่เข้ามารับบทบาท เป็นวัยแห่งการทำงาน ความกระตือรือร้น วัยแห่งการริเริ่ม บุกเบิก การเริ่มต้นใหม่ๆ เป็นวัยที่นิยมใช้ความกล้าแข็ง ความรุนแรงเป็นตัวนำ อังคาร มีความหมายเหมือนราศีเมษและราศีพิจิก

          เมื่อทำงานได้ระยะหนึ่ง คนเราก็จะเริ่มเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีวุฒิภาวะมากขึ้นดูน่าเลื่อมใส เริ่มสนใจศาสนา ปรัชญาชีวิต เพราะการผ่านร้อนผ่านหนาวมาในระดับหนึ่ง ผ่านการต่อสู้ชีวิตมาในระดับหนึ่งนั้นเอง ถือว่าเป็นวัยผู้ใหญ่หรือแห่งการประสบความสำเร็จ พฤหัสจึงรับหน้าที่ในส่วนนี้ และมีความหมายเหมือนราศีธนูและราศีมีน

            เมื่อผ่านวัยผู้ใหญ่ อายุที่มากขึ้นก็จะนำให้ชีวิตเข้าสู่วัยชรา เริ่มทุกข์ วิตกกับความเป็นไปของชีวิต เผชิญการพลัดพรากจากไปของคนใกล้ชิดมากขึ้น จะทำการสิ่งใดก็มักช้าเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แต่แฝงไปด้วยความรอบคอบ ประเภท “ช้าเป็นการ นานเป็นคุณ” สิ่งเหล่านี้คืออิทธิพลของดาวเสาร์ ซึ่งความหมายเหมือนราศีมังกรและราศีกุมภ์

            เมื่อผ่านวัยเสาร์มาได้ ก็จะเข้าสู่วัยมฤตยู เป็นวัยแห่งการผันแปร เอาแน่เอานอนไม่ได้ เป็นวัยที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้น ไม่คาดฝัน ผันผวน ตึงเครียด มฤตยูมีอิทธิพลเทียบเคียงได้กับความหมายของราศีกุมภ์

เมื่อผ่านชีวิตมาพอสมควร ตั้งแต่ปฏิสนธิในครรภ์ เป็นทารก ผ่านวัยเด็ก วัยรุ่น หนุ่มสาว วัยฉกรรจ์ เป็นผู้ใหญ่

            ผ่านวัยชรา ผ่านวิกฤติชีวิต ก็มาถึงวัยแห่งการดับสูญ การคลี่คลายของชีวิต ถ้ายังไม่ตายก็ต้องหลงกันบ้างแล้ว วัยนี้เนปจูนเข้ามีบทบาทสำคัญ เนปจูนมีความหมายเหมือนราศีมีนทุกประการ

            วัยสุดท้ายของชีวิตก็มาถึงวัยแห่งการพัฒนาการ หรือการตายเพื่อเกิดใหม่ในชาติต่อไปนั่นเอง พลูโตเป็นผู้มารับช่วงต่อจากเนปจูน พลูโตหมายถึงชีวิตใหม่หรือการพัฒนาการของชีวิต มีความหมายตรงกับราศีเมษทุกประการ