iRss by iGetWeb

เติมเงินทรูมันนี่

Wed, 30 Nov -001 00:00:00 +0642

ราํศีมีน

Tue, 01 Jun 2010 21:15:17 +0700

บุคลิกของราศีมีนหรือผู้ที่เกิดวัน ที่ 20 กุมภาพันธ์ - 21 มีนาคม บุคลิกของราศีมีนเป็นการรวบรวมเอามาจากราศีอื่นๆ แล้วมาเจริญวิวัฒนาการให้เต็มที่ ราศีมีนไม่ใช่บุคคลที่เข้าใจได้ง่ายๆ บุคลิกมีองค์ประกอบปลีกย่อยมากมายปะปนกัน แต่กลับสามารถเข้าใจคนที่อยู่ใกล้ชิดด้วยจนทะลุปรุโปร่ง สามารถรับรู้ถึงผู้คนอย่างถ่องแท้ ทำให้ชาวมีนเป็นคนใจกว้างเหลือเกิน... ชาวมีนเป็นผู้ที่เข้าใจชีวิต เชื่อเรื่องจิตใจ ความคิด มากกว่าการกระทำ เป็นคนเจ้าอารมณ์ ซึมเศร้ามากกว่าชาวราศีใดๆ บางครั้งอาจรู้สึกว่าเป็นแพะรับบาป มองว่าใครๆ ต่างพากันเหยียบย่ำ เป็นคนขี้ใจน้อย ซึมเศร้า สลดหดหู่ ซึ่งมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลย... ดังนั้นต้องเรียนรู้ที่จะเอาชนะความเคลือบแคลงสงสัยในตนเองและความขี้อาย เรียนรู้ที่จะเชื่อตนเอง และเชื่อถือศรัทธาความดีงามของคนอื่นๆ แล้วโลกจะปฏิบัติต่อชีวิตอย่างเป็นธรรมมากขึ้น ถ้าทำเช่นนั้นได้ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรให้กังวล มีความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยาก ซึ่งมันเป็นธรรมชาติชาวราศีมีนที่เป็นจุดเด่น เพื่อนๆสามารถเล่าให้ฟังได้ทุกเรื่อง เพราะธรรมชาติของมนุษย์บนโลกไม่มีทางทำให้ชาวมีนตกใจได้ เนื่องจากเป็นคนทุ่มเททั้งกายและใจ จึงคาดหวังที่จะได้รับจากคนอื่นเท่าๆ กัน มักถูกทำร้ายจิตใจจากความไม่ซื่อสัตย์ หรือ เมื่อคนอื่นแสดงให้เห็นว่า เขาขาดความเชื่อถือและเชื่อมั่น ภาพพจน์ในสายตาคนอื่น มักถูกมองว่าเป็นคนที่ค่อนข้างเพ้อฝัน มีอุดมคติสูง อ่อนไหวง่าย ชาวมีนจะรู้สึกเป็นทุกข์ ห่อเหี่ยวเมื่อเผชิญกับความเลวร้าย ค่อนข้างขี้อาย เก็บตัว พะวงแต่เรื่องปมด้อยของตัวเองมากเกินไป มีความต้องการกำลังใจอย่างมากจากเพื่อนๆ รวมไปถึงคนในครอบครัวและคนรักด้วย ชาวมีนต้องอยู่อย่างสันโดษเพื่อพัฒนาจิตใจตนเอง ทนกับความวุ่นวาย รีบเร่ง อึกทึก ครึกโครมในโลกทุกวันนี้ไม่ได้ แม้ว่าจะจัดการกับมันได้ช่วงเวลาหนึ่งก็ตาม ในที่สุดก็ต้องหาทางหลบหนีไปอยู่คนเดียวจนได้เพื่อที่จะเยียวยา พัฒนาจิตใจให้แกร่งขึ้น

ราศีกุมภ์

Tue, 01 Jun 2010 21:13:34 +0700

บุคลิกของราศีกุมภ์หรือผู้ที่เกิด วันที่ 21 มกราคม - 19 กุมภาพันธ์ ชาวราศีกุมภ์มีคุณสมบัติเด่นด้านอำนาจทางอารมณ์ สังคมและสติปัญญาสูงส่ง ไร้ตำหนิ ที่เกิดจากข้อบกพร่องธรรมดาที่พบในชาวราศีอื่น เป็นคนใจบุญ สนใจความเป็นไปของสังคมโดยส่วนรวมมากกว่า จะทุ่มเทความสนใจไปที่มวลมนุษยชาติมากกว่าเพื่อน หรือครอบครัว สนใจคุณค่าทางพื้นฐานของชีวิตมากกว่าความสำเร็จส่วนตัว อุทิศตัวให้กับการแสวงหาความจริงในชีวิต และความก้าวหน้าของโลกมากกว่าจะทำให้ความต้องการของตนเอง มีบุคลิกที่นุ่มลึกมาก จึงอาจทำให้ใครๆ ฉงน งงงวย เพื่อนฝูงนิยมนับถือเคารพศรัทธา ชาวราศีกุมภ์ต้องการมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับใครคนใดคนหนึ่งน้อยกว่าชาวราศีอื่น เพราะ รักสันโดษนั่นเอง... ชาวกุมภ์สามารถเข้าได้กับคนทุกระดับ โดยยังคงความเป็นตัวของตัวเองอยู่ด้วย แม้ว่าการเลือกเพื่อนสนิท หรือคู่ครอง ก็จะพิถีพิถันเป็นพิเศษ แต่โดยทั่วไปแล้วมักคบเพื่อนแบบไม่เลือก ความอดทนอดกลั้น และใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อย... เป็นคนช่างฝัน มีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับความคิดและโครงการที่เต็มไปด้วยความสุข ที่ยากจะเป็นไปได้ บางครั้งก็จะสนใจในกิจกรรมใดอย่างหมกหมุ่น เก็บเนื้อเก็บตัวโดยไม่ยอมให้ใคร เข้ามายุ่งเกี่ยว เป็นคนที่ยึดมั่นถือมั่น จึงมีความตั้งใจที่มั่นคงแน่วแน่ ดื้อรั้น ไม่ฟังคำแนะนำจากใครต้องการที่จะเรียนรู้ด้วยระสบการณ์ของตนเอง ลองได้ตั้งใจอะไรแล้วละก็ ไม่มีอะไรที่จะมาเปลี่ยนความคิดได้เลย เป็นตัวของตัวเองมาก การยอมรับของสังคมมีบทบาทน้อยมากต่อชีวิต ชาวกุมภ์รู้ว่าต้องการอะไร? จะได้มันมาอย่างไร? จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ใครๆ เข้าใจ จนออกจะประหลาด เพี้ยนๆ แต่ก็ไม่ทำให้เดือดร้อนสิ่งใด... เนื่องจากมีความคิดที่ล้ำหน้าคนอื่นๆ จึงมักจะตกเป็นเป้าของความขี้อิจฉา หรือความเข้าใจผิดต่างๆ คนจำนวนมากไม่พอใจกับสิ่งที่ชาวกุมภ์คิด บางคนว่าเป็นการคุยโอ้อวด ชาวกุมภ์ไม่ต้องการให้ใครมาสอดแทรก แต่ก็มักจะชนะพวกเขา ทำให้เขาคล้อยตามความคิดได้ ข้อบกพร่องที่สำคัญในบุคลิกของชาวราศีกุมภ์คือ อาจฝันกลางวัน อาจคิดวิเคราะห์โลกว่ายังมีอะไรอีกที่ต้องแก้ไข ยังง่ายกว่าการที่จะมาคิดถึงข้อบกพร่องของตัวเอง ดังนั้นควรคิดในเรื่องความเป็นจริงมากกว่าที่จะเอาแต่ฝันลมๆ แล้งๆ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีข้อบกพร่องในแง่ของความอาฆาตมุ่งร้ายใคร ดังนั้นถ้ารู้จักศักยภาพของตัวเอง ก็จะเป็นคนที่มีความรักฉันพี่น้องให้กับคนทั่วโลกอย่างแท้จริง

ราศีมกร

Tue, 01 Jun 2010 21:11:27 +0700

บุคลิกของราศีมังกรหรือผู้ที่เกิด วันที่ 23 ธันวาคม - 20 มกราคม ชาวราศีมังกร มักเป็นคนที่ต้องสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยลำแข้งของตนเอง ไม่ใช่คนโชคดีที่ความสุขสบายและความสำเร็จวิ่งมาหาได้ง่ายๆ ดาวที่คู่กับชาวมังกรคือดาวเสาร์ ซึ่งเป็นดาวทุกข์ยาก อาบเหงื่อต่างน้ำ ความสำเร็จของชาวมังกรจึงเป็นสิ่งที่น่านับถือศรัทธาที่สุด เพราะมันเป็นผลของชัยชนะที่มีต่อปัญหาต่างๆ ผู้คนจะนิยมนับถือเลื่อมใส และเคารพยำเกรง มากกว่าที่จะรักชอบแบบหนุ่มสาว เพราะชาวมังกรมีความสง่าผ่าเผย ภูมิฐาน ซื่อตรง น่าเชื่อถือไว้วางใจ จริงจัง และทำงานหนัก ชาวมังกรไม่ชอบการอยู่ลำพังคนเดียว แต่ในทางตรงข้าม ก็พบว่ามันยากมากที่จะสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น เพราะไม่ค่อยจะไว้ใจใครง่ายๆ หากแต่ต้องพิสูจน์ให้เห็นเสียก่อน อยากอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนฝูงจำนวนมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างไร ท่าทางภายนอกดูมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง แต่เก็บซ่อนความรู้สึกปมด้อยไว้ข้างใน... เป็นนักอนุรักษ์นิยมตังยงเลยทีเดียว ระมัดระวังตัวไม่ให้ทำอะไรที่ดูไม่ดี หรือเสียชื่อเสียงออกไป ต้องการให้คนอื่นคิดถึงแต่ในแง่ที่ดีเลิศ ชอบวางท่าสงบเสงี่ยม และยากที่จะมากระโดดโลดเต้นด้วยความกระตือรือร้น สามารถควบคุมความรู้สึกได้ดีเยี่ยม จนออกจะเย็นชาซะด้วยซ้ำ มีความกตัญญูเป็นเลิศ เขาจะตอบแทนทุกน้ำใจที่ได้รับ พยายามจะทำอะไรด้วยตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้บุญคุณใคร แต่ถ้าใครทำอะไรให้จะไม่เคยลืมเลย... เป็นคนที่เอื้ออารีแก่คนอื่น คนที่มาขอความช่วยเหลือจะพบว่าชาวมังกรสามารถให้กำลังใจและคำปลอบโยนที่ดีแก่เขาได้ และจะยื่นมือเข้าไปช่วยอย่างเงียบๆ สามารถช่วยผู้คนได้เพราะเป็นคนมีเหตุผล มีความคิดที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และสามารถพบวิธีอันชาญฉลาดที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ แรงจูงใจคือการต้องการไปสู่ความสำเร็จ มีมานะพยายามอดทน และสามารถทำให้ความปรารถนาเป็นจริงได้ แม้จะไม่เป็นคนโอ้อวด แต่ก็เป็นคนที่ทะเยอทะยานอย่างแท้จริงคนหนึ่ง เป็นคนแข็งแกร่งแต่เปลือกนอกเท่านั้น ที่จริงแล้ว อารมณ์ ความรู้สึกมักจะครอบงำจิตใจเป็นเวลานาน เมื่อรู้สึกว่าได้รับความไม่เป็นธรรม ก็จะนั่งซึม หดหู่ เศร้าโศก มักจะมองโลกในแง่ร้าย แต่ชาวมังกรเรียกว่ามองโลกในแง่ความเป็นจริง ซึ่งจะทำให้เกิดความหดหู่โดยไม่จำเป็น ชาวมังกรต้องเรียนรู้ที่จะเอาชนะความรู้สึกนี้ โดยพยายามอย่าอยู่คนเดียว ควรหาสิ่งรื่นเริงบันเทองใจ คุยกับเพื่อนก็จะช่วยได้มากเลย มีนิสัยบางอย่างที่ที่ชาวมังกรควรปรับปรุงให้ดีขึ้น การที่มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จอาจทำให้กลายเป็นพวก วัตถุนิยมมากเกินไป จนเห็นคุณค่าของความเป็นคนลดลง ความเข้มงวดกับตัวเองทำให้ดูกลายเป็นคนไร้หัวใจ ชาวมังกรสามารถปรับปรุงตัวเองได้ไม่ยาก ขึ้นอยู่กับการควบคุมตัวเอง ซึ่งได้ทำเป็นประจำอยู่แล้ว...

ราศีธนู

Tue, 01 Jun 2010 21:09:22 +0700

บุคลิกของราศีธนูหรือผู้ที่เกิดวัน ที่ 23 พฤศจิกายน - 22 ธันวาคม ลักษณะเด่นของชาวราศีธนูคือ การมีจินตนาการ การเป็นนักปฏิบัติ ที่สำคัญที่สุดคือความเป็นอิสระชาวธนูเป็นคนร่าเริง แจ่มใส มีชีวิตชีวา มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน หากเป็นชาวราศีธนูแท้ บุคลิกภาพจะต้องการปรับปรุงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีเพื่องฝูงมากมาย เป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนผองทั้งหลาย เพราะ ชอบการคบหาสมาคมกับคนอื่น และสามารถยอมรับเขาเหล่านั้นอย่างที่เขาเป็น ชาวธนูจะทนไม่ได้กับความไม่ซื่อสัตย์ นอกจากเรื่องนี้แล้วจะไม่สนใจ จะคบหาเพื่อนโดยไม่จำกัดชั้นวรรณะเพราะเห็นคุณค่าที่อยู่ในตัวคนเหล่านั้น ซึ่งสำคัญกว่าสมบัติภายนอก... คำพูดจะตรงเผงราวกับลูกธนู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาวราศีนี้ การตรงไปตรงมาแบบนี้อาจจะโหดร้าย แต่ทำเพราะความปรารถนาดี จึงไม่มีใครโกรธเคือง แต่ในทางกลับกัน ชาวธนูยังมีความอ่อนไหว ต่อการถูกทำร้ายจิตใจได้ง่าย การยอมรับของสังคมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาวราศีนี้ เป็นคนที่มีวาจา สัตย์ ชื่นชอบความจริง และแสดงตัว อย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ต้องการเป็นที่ยอมรับอย่างที่ชาวธนูเป็น มีความยุติธรรมซึ่งเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นอีกข้อหนึ่ง ศาสนาอาจมีส่วนสำคัญในชีวิต ถ้าไม่เคร่งในศาสนาอย่างน้อย ก็จะยึดมั่นในคุณความดีบาปบุญคุณโทษ เสมอ สนใจในเรื่องการสร้างปรัชญาชีวิต และมักจะเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่อยๆ ซึ่งจะพัฒนาชาวธนูให้ฉลาดมากขึ้นไปเรื่อยๆ มักเชื่อในเรื่องการรักษาสมดุลของชีวิต ใฝ่หาความรู้แต่ก็ไม่ทอดทิ้ง การหาความสุขทางสังคม สนุกกับชีวิตนอกบ้าน เป็นนักพูดสาริกาลิ้นทอง ทำให้ชาวธนูได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่างๆ มากมายที่อยู่รอบๆ ตัว แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีความเป็นนักพนันอยู่ในตัว ซึ่งจะแสดงออกมาในรูปการทำธุรกิจ และงานอดิเรก ชื่นชอบการเสี่ยง ชาวธนูจะไม่พลาดโอกาสที่จะลองเสี่ยงดู ในทุกเรื่องที่ไม่ใช่งานทุจริต และแต่จะมีน้ำใจเป็นนักกีฬาเสมอ... การที่รักความจริงมากเกินไปบางครั้ง อาจทำให้ชาวธนูเปิดเผยตรงไปตรงมา อย่างโหดร้าย หรืออาจถูกตีความว่า หยาบคาย ไม่สุภาพ ความร่าเริงเกินไปของเขาอาจทำให้กลายเป็นคนพูดมาก เพราะชาวธนูเป็นคนกระตือรือร้นแข็งขันมาก มีงานมากมายที่คิดจะทำ และก็ทำลงไปพร้อมๆ กัน โดยไม่เห็นว่ามันจะเสร็จเมื่อไหร่ ดังนั้นจึงมีหลายครั้งที่วางแผนงาน เป็นไปแค่นามธรรมไม่สามารถที่จะทำให้สำเร็จลุล่วงไปได้...

ราศีพิจิก

Tue, 13 Jul 2010 03:18:53 +0700

บุคลิกของราศีพิจิกหรือผู้ที่ เกิดวันที่ 24 ตุลาคม - 22 พฤศจิกายน คำจำกัดความของชาวราศีพิจิกคือ "อำนาจและความตั้งใจอันแน่วแน่เด็ดเดี่ยว" แกร่งที่สุดในบรรดาชาวราศีอื่นๆ ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ ไม่เคยทำให้ใครรู้สึกเฉยๆ หรืองั้นๆ กับตัวเขาได้เลย ผู้คนต่างๆ ถ้าไม่รักก็เกลียด ชื่นชอบที่จะให้พวกคนเหล่านั้นทำอะไรสักอย่างดีกว่าจะอยู่เฉยๆ หรือไม่เห็นอยู่ในสายตา บุคคลิกเป็นคนหนักแน่นเด็ดเดี่ยว และอาจจะเหี้ยมโหดในบางเวลา บางครั้งอาจเป็นที่งุนงงของเพื่อนๆจำนวนมาก เพราะเจ้าอารมณ์อย่างรุนแรง และความมีเหตุผลรวมอยู่ด้วยกัน คนส่วนใหญ่จะถูกควบคุมด้วยสมอง หรือไม่ก็ใจเพียงอย่างใดอย่างอนึ่ง แต่ชาวราศีนี้เป็นผลรวมของอารมณ์และสติปัญญาที่น่าทึ่ง นอกจากความฉลาดแล้วยังสนใจในศิลปะและวิทยาการทั้งหลายด้วย ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับชีวิต ตรรกวิทยา จริยศาสตร์ และความรู้ต่างๆ เกี่ยวข้องกับความลึกลับของชีวิตและความตาย เพื่อที่จะเข้าใจความหมายสุดท้ายของการดำรงอยุ่ของชีวิต ทำให้เข้าใจแก่นแท้ของชีวิตได้ดีกว่าใครๆ แต่ก็ยังมีนิสัยที่ขัดแย้งในตนเองคือ มีความอดทนกล้าหาญ แต่ก็ยังมีอารมณ์ความรู้สึกที่รุนแรงด้วย มักเป็นที่ดึงดูดใจต่อเพศตรงข้าม ในทางกลับกันก็ต้องควบคุมความต้องการไม่ว่าจะเป็นความสัมผัส กอดรัด ไว้ไม่ให้มันเข้าครอบงำชีวิต เป็นคนอารมณ์ร้อนมาก เมื่อโมโหจะอาละวาดอย่างรุนแรง จนสามารถสร้างความร้าวราน เป็นแผลใจให้แก่คนทั้งหลาย โดยทั่วไปแล้ว มักชอบการโต้แย้ง เพราะอยากที่จะเป็นผู้ชนะเสมอ จึงมีความยุ่งยากในเรื่องมนุษยสัมพันธ์ เพราะนิสัยที่มักจะหงุดหงิด เมื่อทุกสิ่งเป็นไปอย่างราบรื่นเกินไป ทำให้ไม่มีโอกาสแสดงความสามารถ สติปัญญาที่เหนือชั้นกว่า จากนิสัยที่ค่อนข้างสุดขั้ว ข้อบกพร่องของจะปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด พอๆ กับข้อดี ชาวพิจิกมีพัฒนาการของนิสัยในทางลบมากกว่าทางบวก มักจะมองโลกในแง่ร้าย หวาดระแวงว่า คนอื่นจะดูถูกตนเอง แม้แต่คนที่จริงใจ และซื่อสัตย์ที่สุดก็ยังไม่ไว้วางใจ นิสัยพื้นฐานของชาวพิจิกคือ "ข้าคือผู้กำหนดกฎเกณฑ์ ของข้าเอง" ไม่เคยแคร์ว่าใครจะคิดอย่างไรกับ เขาจะกำหนดแผนการดำเนินชีวิตเอง โดยไม่สนความคิดเห็นของสังคมรอบข้าง โดยไม่โลเล วอกแวกเลย ชาวพิจิกจึงสามารถไปสู่ชีวิตที่เป็นอิสระ มีชีวิตที่น่าพึงพอใจมากกว่าชาวราศีอื่นๆ ชาว พิจิกไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในชีวิต เก่งกาจกล้าหาญทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นตัวของตัวเอง ได้ดีเมื่อเผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก ในขณะที่คนอื่นๆ แทบจะหมดแรงแล้ว เป็นคนเจ้าความคิด คิดหาลู่ทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้ดีในทุกสถานการณ์ เป็นคนรอบคอบมาก ในเรื่องการมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้อื่น ชาวราศีพิจิกไม่ใช่คนที่จะคบหาใครโดยขาดการพิจารณาเลือกสรร เพราะชาวพิจิกไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนให้คนอื่นรู้มากนัก แม้แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดก็ตาม...

ราศีตุลย์

Tue, 01 Jun 2010 21:05:03 +0700

บุคลิกของราศีตุลย์หรือผู้ที่เกิด วันที่ 24 กันยายน - 23 ตุลาคม บุคลิกของชาวราศีตุลย์ อ่อนหวานน่ารัก ใจดี มีเมตตา เป็นที่ดึงดูดใจมาก อาจกล่าวได้ว่าเป็นคนที่สามารถชนะใจคนได้อย่างแท้จริง เป็นคนที่รู้คุณค่าของผู้อื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา จึงเข้าใจความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้มากกว่าชาวราศีอื่น เป็นคนยุติธรรม จึงมักจะกลายเป็นผู้ไกล่เกลี่ยกรณีพิพาท เป็นคนที่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา รู้จักกาละเทศะ ทำให้สามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้อย่างราบรื่น ชื่นชอบชีวิตและสังคมที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มักจะออกไปพบปะสังสรรค์กับผู้คน จึงไม่แปลกที่จะสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ในชีวิตเพื่อนๆได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องฝืนเลย จะเป็นคนแรกที่เข้าไปทักทายเพื่อนบ้านคนใหม่ จำวันเกิดของคนที่รู้จักได้ทุกคน ไม่ละเลยหรือมองข้ามใครเลย จะให้ความสำคัญมากกับมารยาทสังคมและอัธยาสัยอันดีงาม ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็ตาม... ชาวราศีตุลย์จะมีความสุขเมื่อมีแขกอยู่เต็มบ้าน มักชวนให้เพื่อนมาเที่ยวบ้านเสมอๆ ที่บ้านจะถูกตกแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน มีอาหารดีๆ ไว้ต้อนรับอย่างอิ่มหนำสำราญ มักจะตั้งความหวังในชีวิตไว้สูง ดังนั้นจึงอาจผิดหวังได้ง่าย เพราะสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ เป็นคนที่ค่อนข้างจะวัตถุนิยม เสื้อผ้าสวยๆ แต่งบ้านสวยๆ ด้วยของแพงๆ ชาวราศีตุลย์สนใจเรื่องวัฒนธรรม รักสวยรักงาม มีความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะ และจะต้องแสดงความสามารถนี้ออกมาให้ได้ เพื่อที่จะได้มีพัฒนาการเต็มที่ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่รักครอบครัวมาก แต่ก็จะต้องซึมเศร้าเมื่อต้องถูก ผูกติดอยู่กับบ้าน...? ถ้าไม่ได้พบความพึงพอใจของชีวิตที่แสวงหาแล้วละก็ ชาวตุลย์อาจหลบหนี สร้างชีวิตที่มีจินตนาการอย่างแรงกล้า เป็นการส่วนตัว ใช้ชีวิตไปวันๆ กับการหลงละเมอเพ้อฝัน อาจระเบิดอารมณ์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่คาราคาซังมานาน จนปัญหาถูกคลี่คลายออก จึงมีอารมณ์ดีได้... สิ่งที่ชาวตุลย์ปรารถนาอย่างที่สุด คือความสามัคคีปรองดองกัน ถ้าหากมีเรื่องขัดแย้งกัน ชาวตุลย์อาจกลายเป็นคนยอมผ่อนปรนดีกว่าจะดึงดันต่อสู้ เพื่อให้การทะเลาะวิวาทหยุดโดยเร็ว บางครั้งอาจต้องเสแสร้งแกล้งทำ โกหก หลอกลวง ประจบประแจงเอาใจ เพื่อให้ปัญหาจบโดยเร็วที่สุดจนคนอื่นไม่เข้าใจ แต่ชาวตุลย์ก็มีความสามารถพอที่จะเอาชนะข้อบกพร่องเหล่านี้ได้ไม่ยาก...

ราศีกันย์

Tue, 01 Jun 2010 21:02:37 +0700

บุคลิกของราศีกันย์หรือผู้ที่เกิด วันที่ 24 สิหาคม - 23 กันยายน ชาวราศีกันย์มีบุคลิกหลายด้านที่ขัดแย้งกันอยู่ในตัว มีสติปัญญาในระดับสูง มีพรสวรรค์ในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์ และอาจมีความสามารถในด้านศิลปะและวรรณคดี อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันก็เป็นคนทำอะไรจริงจัง เป็นการเป็นงาน พูดจาตรงไปตรงมา ติดดิน ชาวราศีกันย์ไม่ชอบแสดงตัว ไม่ใช่คนที่สะดุดตาใครๆ เพราะโดยพื้นฐานแล้วเป็นคนที่สงบเสงี่ยมชอบเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร มักจะขี้อายกับคนแปลกหน้า และไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตนเองกับใคร จนกว่าจะเชื่อใจคนๆ นั้นก่อน มีความฉลาดหลักแหลม แต่ค่อนข้างเป็นความฉลาดที่เผ็ดร้อน ถากถางผู้อื่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นมาก นอกจากนี้ยังมีความสามารถที่จะมองสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้งและกระจ่างแจ้งทันที จึงยากที่จะมีคนมาหลอกลวงได้ เป็นคนรับรู้ไว รู้ไปหมดเกี่ยวกับตัวเอง ไม่ยอมพลาดรายละเอียดปลีกย่อยทุกเรื่อง สนใจเอาใจใส่กับรายละเอียดปลีกย่อย ด้วยความหลักแหลมและด้วยใจจดใจจ่อ ใช้ประสาทรับความรู้สึกด้วยความตื่นตัวและฉับไว เป็นคนที่ใครๆ วางใจพึ่งพาอาศัยได้ ถ้ารับปากว่าจะทำอะไรแล้ว จะกระทำจนถึงที่สุด ดังนั้นเพื่อนๆ จะเชื่อถือและไว้วางใจที่สุด มีแนวโน้มที่จะเป็นคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบในทุเรื่อง และเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิดหวังในผู้คน เมื่อพวกเขาไม่สามารถไปถึงมาตรฐานอันไร้ที่ติของชาวราศีนี้ได้ จะเข้าโจมตีความผิดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ นั้นราวกับเป็นเรื่องใหญ่โต จำเป็นต้องปล่อยวาง เพื่อให้มีความสุขจริงๆ บ้าง ต้องยอมรับในเรื่องที่ว่าไม่มีใครเพอร์เฟ็กไปหมด ซึ่งข้อเสียนี้อาจทำให้พลาดโอกาสที่จะมีประสบการณ์การต่างๆ อีกมากมาย ชอบที่จะช่วยบริการคนอื่น จะมีความสุขมากเมื่อได้แนะนำสิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อน หรืออาจจะแนะนำวิธีการทำงานหรือแก้ไขปัญหาต่างๆ คนราศีกันย์เป็นคนที่มีฝีมือในการออกแบบและประดิษฐ์งานฝีมือต่างๆ จึงชอบทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้เพื่อนในโอกาสต่างๆด้วย การผจญภัยโลดโผนและการเสี่ยงภัยแบบวีระบุรุษผู้กล้ามีความหมายเพียงเล็กน้อย ชาวราศีนี้จะสนใจกับสิ่งที่เป็นปกติในชีวิตประจำวันของ ไม่ดึงดูดใจกับเรื่องประหลาดมหัศจรรย์ หรืออะไรก็ตามที่ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ สนใจแต่ชีวิตที่เกิดขึ้นที่นี่และเดี๋ยวนี้ มักให้ความสนใจเฉพาะวิธีการแก้ปัญหาที่สามารถนำมาใช้ได้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น มีบุคลิกภาพในแง่ดีอยู่มากมาย ขยันทำงาน เป็นประโยชน์ต่อสังคม มองความเป็นจริงด้วยความซื่อสัตย์ รู้จักและเข้าใจชีวิตตามสภาพความเป็นจริงได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และด้วยความที่เป็นคนเฉลียวฉลาดจึงยากที่จะถูกหลอกลวง แต่อีกแง่มุมหนึ่งเป็นคนช่างพิจารณามากเกินไป ตำหนิติเตียนคนอื่นมากเกินไป และอาจจะมีความคิดคับแคบด้วย เป็นคนยึดมั่นในคุณธรรมและคุณงามความดี จนมักจะโจมตีคนอื่นๆ เพราะเป็นคนเจ้าระเบียบนั่นเอง อันที่จริงชาวราศีนี้มีความสามารถที่จะมองตัวเองได้อย่างกระจ่างชัด คงนำความสามารถนี้มาใช้และปรับปรุงแก้ไขตนเองได้ไม่ยาก...

ราศีสิงห์

Tue, 01 Jun 2010 20:58:39 +0700

บุคลิกของราศีสิงห์หรือผู้ที่เกิด วันที่ 24 กรกฎาคม - 23 สิงหาคม ชาวราศีสิงห์มีบุคลิกนิสัยที่ใจกว้าง มีเสน่ห์ดึงดูดใจ แข็งขัน ไม่อยู่นิ่ง กระตือรือร้น มีชีวิตชีวา ราศีสิงห์เป็นราศีของความเป็นผู้นำ มีพรสวรรค์และความสามารถในด้านการออกคำสั่ง เขาเป็นผู้นำมาตั้งแต่เกิด มักจะเป็นผู้คอยบงการให้คนรอบตัวเป็นไปตามที่เขาต้องการ เป็นคนสนุกสนานร่าเริง แต่ก็หยิ่งทระนงในตัว แม้ว่าจะเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน แต่จะไม่ยอมทำตัวเป็นตัวตลก หมายถึง การแสดงอะไรที่งี่เง่าไร้แก่นสาร ผู้คนรู้ดีว่าภายใต้ท่าทางสนุกสนานนั้น ชาวราศีสิงห์ต้องการความเคารพนับถือจากผู้อื่นด้วย เป็นคนที่มีความตั้งใจแน่วแน่ ท่าทางร่าเริงสนุกสนานนั้น เป็นเพียงภาพลวงตา เพราะเขาไม่ใช่คนประเภท "อะไรก็ได้” จัดอยู่ในประเภท ยึดมั่นถือมั่น จึงมีความมั่นคง เหนียวแน่น หวงแหน และดื้อรั้น ถือความคิดของตนเองเป็นใหญ่ เมื่อมองจากภายนอกแล้ว มองดูเหมือนมีความมั่นใจในตนเอง แต่แท้จริงความลับคือ เขายังสงสัยคลางแคลงใจเกี่ยวกับตัวเอง จะพะวงมากเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ปรากฏต่อสายตาผู้อื่น เช่น สาวราศีสิงห์จะรู้สึกแย่ถ้าเพื่อนของเธอมาเห็นเธอในชุดอยู่บ้าน เธอต้องการที่จะเป็นความภูมิใจของคนที่เธอรัก มักจะใจกว้าง ในเรื่องของการให้ ทั้งในด้านสิ่งของและอารมณ์ความรู้สึกที่ทุ่มเทแก่คนที่รัก ทำตัวเป็นเจ้า บุญทุ่ม ซื้อของขวัญอย่างไม่อั้น มีความสุข กับการให้ความสุขสำราญแก่ผู้อื่น เป็นนักจ่ายมือไว มักจะจ่ายเงินเกินตัว ยอมให้ความหน้าใหญ่ใจกว้างทำให้บัญชีติดลบ ความใจดีทำให้บางครั้งต้องเข้าไปช่วยเหลือคนรอบข้างรวมถึงคนที่รัก มักนำความคิดเห็นส่วนตัวไปคิดแทนผู้อื่นว่าต้องการอะไร? และทำอะไร? ที่แย่ไปกว่านั้น เขาไม่ค่อยจะทันในเรื่องความรู้สึกของคนอื่น มักจะหมกมุ่นกับเรื่องของตัวเองและไม่สังเกตการบอกใบ้และความนัยที่คนอื่นๆ แสดงกลับมา เป็นคนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม บางครั้งก็เปิดเผยตรงเกินไป แต่ก็ไม่เคยที่จะประสงค์ร้ายต่อคนอื่น เพียงแต่ไม่รู้จักที่จะผ่อนหนักผ่อนเบาเท่าที่ควร มักจะอารมณ์ดี แต่ถ้าอารมณ์เสียเมื่อไหร่ก็จะระเบิดออกมาแบบสุดๆ ไปเลย แล้วก็ต้องมาเสียใจในภายหลัง เขาจะรู้สึกสับสนเมื่อต้องเผชิญกับความหยาบคายหรือความโหดร้ายของคนอื่น เพราะไม่รู้ว่าจะโต้ตอบกลับอย่างไร ถ้าถูกปฏิเสธ หรือการไม่ยอมรับ เขาจะรู้สึกถูกทำร้ายจิตใจแสนสาหัส และจะไม่ยอมให้ คนๆนั้นมาทำร้ายจิตใจอีกเป็นครั้งทีสอง อย่างแน่นอน เป็นคนที่ดูคนไม่เป็น ถูกจูงจมูกได้ง่าย จากพวกที่ช่างประจบสอพลอ เพราะเขาเป็นคนบ้ายอ ใครๆ จึงมาเอาเปรียบด้วยการป้อนคำสรรเสริญเยินยอ ดังนั้นจึงต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษที่จะตัดสินคนจาก “สิ่งที่เขาเป็น มากกว่าสิ่งที่เขาพูด” โดยรวมแล้ว มีบุคลิกที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ เป็นคนทะเยอทะยาน วางอำนาจ และก้าวร้าว ความต้องการของเขามี 2 ประการคือ 1 ต้องการเป็นผู้ออกคำสั่งและเป็นผู้นำ 2 ต้องการรักและเป็นที่รัก ในแง่ลบแล้วอาจเป็นคนหยิ่งยโส เสียงดัง จู้จี้เจ้ากี้เจ้าการ ซึ่งมันจะกลายเป็นอุปสรรคของเขาเองอีก ข้อคือมักจะชอบโอ้อวด แสดงความหยิ่งยโสและวางท่าเป็นผู้ดีหัวสูง มักเป็นคนที่ใครๆ รู้จัก ชื่นชม และเสาะแสวงหา มักให้คำแนะนำมากมายแก่ผู้อื่น ให้ความอบอุ่น เป็นเพื่อนที่ดี ซื้อสัตย์ และอุทิศตัวให้เพื่อน ดังนั้นเขาจะสามารถมีชีวิตที่เจริญก้าวหน้าได้ด้วยการ ใช้บุคลิกทางด้านผู้นำให้เป็น ประโยชน์แก่คนอื่น

ราศีกรกฎ

Tue, 01 Jun 2010 20:54:53 +0700

บุคลิกของราศีกรกฎหรือผู้ที่เกิด วันที่ 22 มิถุนายน - 23 กรกฎาคม ในบรรดาราศีทั้งหมด ราศีกรกฎเป็นผู้ที่มีบุคลิกน่ารักใคร่ เป็นผู้ให้และมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากที่สุด เป็นคนใจกว้าง และเต็มใจพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นตลอดเวลา "มิตรในยามยากคือมิตรแท้" คือคำจำกัดความหมายอย่างแท้จริง แม้ว่าบุคลิกภาพจะเป็นคนน่ารักแต่ก็ไม่ได้ปรากฏออกมาทางหน้าตา จะสงวนความรู้สึกนี้ไว้ให้กับคนที่มีความหมายอย่างแท้จริง เช่น ครอบครัว เพื่อนรักของเขา ราศีกรกฏไม่ใช่คนที่จะทำให้เกิดความประทับใจตั้งแต่แรกพบ เพราะมักจะสงวนท่าทีบางอย่างเอาไว้ ค่อนข้างขี้อาย สงบเสงี่ยมในการพบปะครั้งแรก ค่อนข้างไว้ตัว เก็บปากเก็บคำ และสุภาพอ่อนโยนมากกว่าจะทำท่าหยิ่งยโส แต่ผลลัพธ์ที่ได้มาก็ควรค่าแก่การรอคอย มักจะถอยหนีเข้าไปอยู่ในกระดองเมื่อถูกทำร้ายจิตใจเหมือนกับปู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราศีนั่นเอง มีความอ่อนไหวเปราะบางเหลือเกิน คำพูดตรงๆ บางคำก็สามารถทำร้ายจิตใจได้ง่ายๆ จากนั้นก็จะหลบหนีไปอยู่ตามลำพังคนเดียว มักจะอมพะนำ ไม่ต้องการปริปากพูดออกมา ถ้าถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือเข้าใจผิด ก็จะรู้สึกว่าตนเองถูกปฏิเสธ ถูกทิ้ง ไม่เป็นที่ยอมรับ ไม่ต้องการจะทำอะไรทั้งนั้น จะเอาแต่จมอยู่กับความเศร้าหดหู่กับการถูกทำร้ายจิตใจ อีกอย่างยังมีแนวโน้มที่จะนึกคิดจินตนาการเอาเองอีกด้วยว่าตนเองถูกทำร้ายจิตใจ ...เสียเวลาไปมากกับการยิ่งคิดยิ่งซ้ำเติมคำพูดที่คนอื่นพูดหรือกระทำลับหลัง... สิ่งที่อยู่ลึกในจิตใจ คือความเห็นอกเห็นใจความใจดีมีเมตตา ความอบอุ่น ผู้คนมักจะหันหน้ามาหา เมื่อต้องการความเข้าอกเข้าใจจากใครสักคน ราศีนี้มีพลังมหาศาลในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น สามารถเข้าถึงปัญหาของคนเหล่านั้น จนกล่าวได้ว่าสามารถเข้าถึงความเศร้าของผู้คนได้อย่างแท้จริง รู้สึกทุกข์ร้อนไปกับเพื่อนกับเรื่องราวเหล่านั้นราวกับเกิดขึ้นกับตัวเอง กับเขาแล้วไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่าตื้นเขินและผิวเผิน ไม่มีการเสแสร้งแกล้งทำ หรือไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เนื่องจากนี้ยังมีความสามารถในการมองทะลุกลอุบายหลอกลวงของคนอื่นๆได้ สิ่งเหล่านี้จึงไม่เป็นที่ปรารถนาของชาวราศีนี้ มีความอดทนอดกลั้นเป็นเยี่ยม เมื่อชีวิตไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ก็จะเอาแต่ยืนกอดอก เฝ้ารอ ไม่เหมือนราศีอื่น เป็นคนเชื่อในเรื่องโชคชะตาพอตัว มักจะปล่อยให้อะไรๆเป็นไปตามยถากรรมของมันเอง ชาวราศีกรกฏไม่เชื่อว่าจะควบคุมบงการชีวิตของตนเองได้มากนัก ถ้ามีความคิดเช่นนี้มากเกินไปก็จะเป็นข้อบกพร่องได้เพราะมันทำให้ มีแนวโน้มที่จะเกียจคร้าน เฉื่อยแฉะ และชอบแก้ตัว ดวงจันทร์ควบคุมราศีกรกฎ และดวงจันทร์จะมีอิทธิพลต่ออารมณ์ ถ้าเป็นชาวกรกฎขนานแท้ จะพบว่าเขาจะรู้สึกขยันขันแข็งและมองโลกในแง่ดี วันหนึ่ง และในวันต่อมาด้วยสาเหตุใดไม่ทราบได้ เขากลับจมอยู่กับอารมณ์เศร้าสลดหมดหวัง ต้องยอมรับว่าอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เป็นองค์ประกอบของตัวเขา ดังนั้น เมื่อรู้สึกซึมเศ้รา เขาจะพยายามอยู่ใกล้ๆคนที่สามารถทำให้หลุดพ้นจากอารมณ์เศร้าได้ เพราะเขาสามารถซึมซับอารมณ์ของคนอื่นได้ง่าย การอยู่ใกล้คนที่อารมณ์ดีสนุกสนานร่าเริง จะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนขี้อาย สงบเสงี่ยม แต่ก็ยังเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้คน เพราะคนเหล่านั้นสามารถรับรู้ได้ถึงความใจดี มีเมตตากรุณา สงสารอยู่ในธรรมชาติของราศีกรกฏ แต่ก็ยังมีข้อบกพร่อง ในเรื่องการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของมากเกินไป การผูกใจเจ็บไม่ยอมลืม ไม่ให้อภัยเมื่อถูกทำร้ายจิตใจ และความเชื่อเรื่องโชคชะตาอย่างงมงาย ทำให้ตกเป็นเหยื่อแล้วแต่สิ่งแวดล้อมจะพาไป ถ้าสามารถแก้ไขข้อบกพร่องนี้ได้ละก็ ราศีนี้จะพัฒนาตนเองให้เป็นบุคคลที่น่านิยมชมเชยในสังคมตลอดไป

ราศีเมถุน

Tue, 01 Jun 2010 18:49:00 +0700

บุคลิกของราศีเมถุนหรือผู้ที่เกิด วันที่ 22 พฤษภาคม - 21 มิถุนายน ชาวราศีเมถุนมีลักษณะของความขัดแย้งในตัวเองอยู่มาก เต็มไปด้วยสิ่งต่างๆ มากมาย และมีความลึกลับเกี่ยวกับบุคลิกภาพอย่างมาก ชาวราศีเมถุนมีบุคลิก 2 แบบที่ตรงข้ามกัน ด้านหนึ่งเป็นคนร่าเริงแจ่มใส มีเสน่ห์ ฉลาดหลักแหลม และรักสนุก อีกด้านชอบพูดเยาะเย้ย กระทบกระเทียบ ตลกคะนองจนเกินงาม เจ้าอารมณ์ หงุดหงิดขี้โมโห อย่างไรก็ตามในวันที่อารมณ์เสียสุดๆ ก็ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์มากมาย มากกว่าราศีใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งแรกที่ดึงดูดใจผู้คนคือ สติปัญญาของชาวเมถุน มีสติปัญญาที่ฉับไว และใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการเรียนรู้ มักจะซึมซับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา เป็นคนหูไวตาไว ตื่นตัวอยู่เสมอ และสามารถใช้ทุกสิ่งที่เรียนรู้มาให้เป็นประโยชน์ เป็นคนใจกว้าง ยอมรับความคิดใหม่ๆ ได้ง่าย และไม่ค่อยจะคิดอะไรในแง่ร้ายเสียๆ หายๆ ไว้ก่อนล่วงหน้า มีความสามารถรอบตัว คล่องไปทุกเรื่อง ทำอะไรก็ทำได้ เป็นเพื่อนที่เก่งแต่ไม่ค่อยจะแสดงตัว เมื่อใดที่ถูก แวดล้อมไปด้วยคนที่เฉลียวฉลาดหรืออยู่ท่ามกลางสิ่งประเทืองปัญญาทั้งหลาย เขาจะสนุกสนานมีความสุข พึงพอใจกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในเกือบทุกเรื่อง มักไม่อยู่นิ่ง การเปลี่ยนแปลง และความหลากหลายมีความสำคัญกับชีวิตอย่างมาก มักจะรู้สึกเบื่อหน่ายและหงุดหงิด เมื่อต้องจมอยู่กับความซ้ำซากจำเจทุกวัน เป็นคนมีเสน่ห์ ร่าเริงสนุกสนาน แต่เมื่อรู้สึกเซ็งหรือเบื่อหน่าย ชาวราศีนี้จะไม่พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสียนั้นเอาไว้เลย ราศี เมถุนควบคุมในเรื่องของภาษา เป็นนักพูดที่ช่ำชอง มีไหวพริบปฏิภาณเฉียบแหลม มีอารมณ์ขัน แต่บางครั้งการโต้คารมอาจรุนแรงเกินไปจนกลายเป็นการเยาะเย้ยถากถางผู้อื่น คำพูดค่อนข้างที่จะเหน็บแนม ล้อเลียนคนอื่น จริงๆเขาจะรู้สึกรำคาญและไม่อดทนกับคนที่ไม่สามารถวิ่งตามความคิดได้ เขาก็จะเริ่มหยิกแกมหยอกด้วยวาจาโดยไม่รั้งรอ โดยพื้นฐานแล้ว ชาวเมถุนเป็นคนหัวสูง ความพึงพอใจแบบเรียบง่ายไม่ดึงดูดใจเขาได้มาก เท่ากับสิ่งแปลกประหลาดจากต่างประเทศ และสิ่งที่มีเสน่ห์ยั่วยวนใจ เป้าหมายอย่างหนึ่งของเขาคือ ชอบชีวิตสังคมชั้นสูง และมีความสามารถพิเศษที่จะพัฒนาตนเองให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม แม้แต่รูปร่างหน้าตาการแสดงออกได้ตามต้องการ... เป็นคนที่น่าฉงน งงงวย ในหมู่เพื่อนฝูง คือ เพราะถึงแม้จะเป็นมิตรกับใครๆ ได้อย่างรวดเร็ว แต่ความสัมพันธ์มักไม่ค่อยจะยาวนาน มักจะไม่เสียสละทุ่มเทตนเองให้ใครจริงๆ จังๆ เนื่องจากเขาจะรู้สึกว่าคนเหล่านั้นไม่สามารถให้อะไรกับเขาได้ ชาวราศีนี้จะสามารถตัดออกไปจากชีวิตได้ โดยไม่มีการหวนกลับมาอีก ถึงแม้จะมีเสน่ห์มากมาย แต่ก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน เป็นคนที่ไม่ค่อยพัฒนา อาจจะตื้นเขินในเรื่องของอารมณ์จนบางครั้งดูเย็นชาและไร้หัวใจ บางครั้งเอาความฉลาดมาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องอาจถึงขั้นใช้เล่ห์เพทุบาย สิ่งเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการแสดงอารมณ์ออกมา แทนที่จะให้หัวใจอยู่ภายใต้การควบคุมของสมองตลอดเวลา

ราศีพฤษภ

Tue, 01 Jun 2010 18:44:37 +0700

บุคลิกของราศีพฤษกหรือผู้ที่เกิด วันที่ 21 เมษายน - 21 พฤษภาคม ชาวราศีพฤษภเป็นคนที่สามารถพึ่งพาอาศัยและไว้วางใจได้ แน่วแน่ มั่นคง รับผิดชอบ มีความเป็นผู้ใหญ่ จึงเป็นที่นิยมนับถือต่อผู้คน เป็นคนที่ใจดี สุภาพ น่ารัก โดยพื้นฐานแล้วชาวราศีพฤษภเป็นนักปฏิบัติ ไม่ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ในเรื่องที่เกิดจากการเดาสุ่มและความคิดที่ผิดปกติ มักจะลงมือทำเฉพาะสิ่งที่เขามั่นใจว่าสามารถนำมาปฏิบัติได้จริงจนสำเร็จเสร็จสิ้น ชาวราศีนี้พยายามรักษาความเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ยังชื่นชมความแปลกประหลาดของเพื่อน สามารถยอมรับความเป็นตัวของตัวเอง และยอมรับผู้อื่นอย่างที่คนเหล่านั้นเป็น ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นชัดในเรื่องความรักและมิตรภาพ สามารถควบคุมตัวเองได้ แม้จะเป็นคนที่มีความรู้สึกหวือหวา ลุ่มหลงในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่มักจะปกปิดเอาไว้ ควบคุมตนเองได้ดีมาก จนไม่มีใครเดาได้ว่าจากลักษณะท่าทางที่เงียบๆ ขรึมๆ นั้นได้ซุกซ่อนธรรมชาติภายในอันเร่าร้อนเอาไว้ ด้วยจิตที่พิศวาสในเรื่องรักเรื่องใคร่ ไว้อย่างมากเลยทีเดียว ชาวพฤษภ เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นมนุษย์เดินดินธรรมดา มักจะสนใจในสิ่งที่ดึงดูดความรู้สึก จากการมอง การได้ยิน การได้กลิ่น หรือการสัมผัส เขาไม่ได้ถูกบังคับควบคุมด้วยสติ ไม่เคยผลักดันตนเองให้ต้องทำบางสิ่งบางอย่างด้วยเหตุผลที่ว่า มันจะดี สำหรับตนเอง แต่ต้องได้รับความพึงพอใจจากการกระทำนั้นด้วย มิฉะนั้นจะไม่ทำมันเลย เป็นคนซื่อตรง เมื่อได้เป็นเพื่อนกับใครซักคนจะยึดติดกับคนนั้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม อุทิศตนอย่างไม่ลืมหูลืมตาเหมือนคนตาบอด แต่ถ้าไม่ถูกชะตาใครแล้ว ไม่มีอะไรจะทำให้เปลี่ยนใจได้เลยจะเย็นชากับคนๆ นั้นอย่างที่ไม่มีใครทำได้มาก่อนเลย... เป็นคนที่เรียกร้องต้อง การสิ่งต่างๆ จากคนอื่น หรือคาดหวังว่าจะได้รับสิ่งตอบแทนจากคนอื่นเมื่อได้ให้ไปแล้ว และต้องการที่จะให้คนที่เขาสนใจ ละทิ้งทุกสิ่งทันทีที่เขาได้พบคุณ ซึ่งมันมักจะไม่เป็นเช่นนั้น เขาจึงถูกทำร้ายจิตใจบ่อยๆ แต่เขาจะตาสว่างได้ ก็ต่อเมื่อเขาพบพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ผ่านการทดสอบ ในเรื่องความซื่อสัตย์ ชาวราศีต้องการให้คนอื่นทุ่มเทให้เช่นเดียวกับที่เขาทำ... โดยทั่ว ไปแล้ว เป็นคนอารมณ์ดี สบายๆ เรียบๆ ง่ายๆ เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เขาโกรธ แต่ถ้าได้โมโหละก็ จะเป็นเหมือนวัวกระทิงที่เห็นธงแดงล่อไปมา อยู่ตรงหน้า คนที่กระทำเช่นนั้นเท่ากับพาตัวเองมาสู่ความหายนะ เพราะความโกรธของเขาจะอยู่นาน ไม่ลืม และไม่ให้อภัยไปนานแสนนาน ยัง มีอีกหลายสิ่งที่ชาวราศีนี้จะต้องเอาชนะ และเขาสามารถจะเอาชนะจุดบกพร่องของเขาได้ เพราะมีความตั้งใจอันแน่วแน่ และพลังจิตใจอันแข็งแกร่ง แต่เนื่องจากเป็นคนที่ดื้อด้าน ดันทุรัง ไร้เหตุผล ทัศนคติที่อนุรักษ์นิยมมากเกินไป อาจทำให้กลายเป็นอุปสรรค เพราะมันทำให้พลาดโอกาสดีๆ มากมาย ปัญหาอีกข้อหนึ่ง คือเขาเกลียดการถูกโต้แย้งจากคนที่มีความคิดเห็นตรงกันข้าม ไม่ชอบที่จะถูกใครวิพากษ์วิจารณ์ติเตียนตรงๆ แม้ว่าจะเป็นติเตียนเพื่อพัฒนาก็ตาม เป็นคนทำอะไรเชื่องช้ามาก และจะโกรธเมื่อถูกเร่งให้กระทำหรือตัดสินใจสิ่งใด...

ราศีเมษ

Tue, 01 Jun 2010 18:46:56 +0700

บุคลิกของราศีเมษหรือผู้ที่เกิดวัน ที่ 22 มีนาคม - 20 เมษายน ชาวราศีเมษ เชื่อว่าชีวิตขึ้นอยู่กับตัวเอง ไม่ค่อยเชื่อเรื่องโชคชะตา เขาจะเชื่อว่า "เมื่อชีวิตไม่สิ้นก็ยังดิ้นกันต่อไป" มักเป็นหัวโจก หรืออยู่ในชั้นแนวหน้า เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแปลงอะไร ก็จะเป็นตัวตั้งตัวตี ทำการเคลื่อนไหว ถ้าต้องอยู่เฉยๆ ก็จะต้องหาอะไรทำต่อไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังกล้าที่จะเผชิญกับภาวะฉุกเฉินหรือวิกฤตเหตุการณ์ต่างๆ ได้โดยไม่กลัวเกรง และจะไม่หยุดจนกว่าจะเอาชนะมันได้ เป็นคนที่ประทับใจผู้คนมาตั้งแต่เกิด น้อยคน ที่จะไม่สามารถสังเกตชาวราศีเมษได้เมื่ออยู่ในฝูงชน มีความเป็นตัวของตัวเอง มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ใจแข็งและเด็ดเดี่ยว จึงเป็นจุดสนใจของคนอื่นทั้งในแง่บวกและลบ ในเรื่องความคิด จะตื่นตัวอยู่เสมอและเต็มไปด้วยพลัง เป็นคนรวดเร็วว่องไว จับความคิดจับประเด็นของเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นที่ไว้วางใจของคนอื่นๆ เพราะเขาเชื่อว่าชาวเมษจะสามารถให้คำแนะนำปรึกษาได้อย่างจริงใจและเปิดเผย ด้วยที่เป็นคนที่เปิดเผยตรงไปตรงมา คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น ทำให้ผู้คนสามารถเข้าใจเขาได้ในทันที ยังมีลักษณะนิสัยบางอย่างที่ง่ายๆ เหมือนเด็ก ตรงๆ ทำให้คนที่ชอบก็จะชอบมากๆ และคนที่เกลียดก็จะเกลียดมากๆ ด้วย ถึงแม้ว่าใครๆ จะเข้าใจชาวราศีได้อย่างแจ่มชัด แต่เขามักจะดูคนไม่เป็นเอาเสียเลย ชอบวัดคนอื่นๆ อย่างรวดเร็วจากสิ่งที่เขาเห็นภายนอกเท่านั้น เป็นผลให้ไม่สามารถมองคนอื่นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทำให้มักจะผิดหวังในความสัมพันธ์ต่างๆ ไม่ว่าจะกับเพื่อน หรือคนรัก จึงต้องเรียนรู้ที่จะยับยั้งไม่รีบด่วนตัดสินใจผู้คนเร็วเกินไป เพราะมันจะทำให้เกิดปัญหาโดยเฉพาะเรื่องความรัก... ชาวราศีเมษเป็นคนคล่องแคล่วว่องไว ไม่หยุดนิ่ง โดยธรรมชาติมีลักษณะที่ดึงดูดใจมากมาย มีเสน่ห์ในระดับแถวหน้าเลยทีเดียว มีไหวพริบ เฉลียวฉลาด สนุกสนาน ทำให้เขาเป็นเพื่อนที่เก่ง และดีอย่างน่าประทับใจ... อีกด้านหนึ่งก็มีลักษณะนิสัยในด้านลบ มักจะใจร้อน ไม่อยู่สุข ไม่อดทน ขี้เบื่อ ขี้รำคาญ บางครั้งตรงเกินไปจนเป็นการทำร้ายจิตใจคนอื่นทำให้ต้องเรียนรู้ที่จะคิดก่อนที่จะพูดออกไป ว่าสิ่งที่จะพูดออกไปนั้น จะทำให้เกิดผลอย่างไรบ้าง เพราะคนบางคนจิตใจอ่อนไหวกับคำพูดเกินกว่าที่คิดมากมาย... โดยธรรมชาติแล้วชาวราศีเมษมีสิ่งที่เหนือกว่าคนอื่นๆ หลายอย่าง จึงทำให้หยิ่งผยอง นี่เป็นข้อบกพร่องอย่างหนึ่งที่เขาอาจไม่รู้ตัว จริงๆเขายังต้องการที่จะเป็นที่รักของคนอื่นๆ อยู่ แต่คำพูดอาจไปทำร้ายจิตใจใครบางคนจนอาจเกลียดชังได้ ดังนั้นเขาจึงต้องระวังเรื่องคำพูดให้มาก และอดทนกับผู้คนมากขึ้นอีกหน่อย ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ไม่ได้ตั้งใจที่จะโอ้อวด ค่อนข้างเป็นคนถ่อมตน แต่ก็มักจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดอยู่เรื่อย....

หลักสูตรศึกษา

Fri, 23 Oct 2009 20:49:15 +0700

หลักสูตรการศึกษา (สิ่งที่ควรรู้ของนักโหราศาสตร์) 1. ความรู้เรื่องโหราศาสตร์เบื้องต้น 2. จักรราศี 2.1 จักรราศี และ อิทธิพล 2.2 อิทธิพลของจักรราศี 2.3 จักรราศี กับ เรือนชะตา 3. ปัจจัยบนฟ้า 3.1 ดาวฤกษ์ ดาวพระเคราะห์ และอิทธิพล 3.2 เมอริเดียน ลัคนา ราหู 3.3 ดาวทิพย์ และ อิทธิพล 4. เวลา (Time) 5. การคำนวณดวงชะตา 6. การอ่านดวงชะตา 6.1 เทคนิคการอ่านดวงชะตา 6.2 ตำแหน่งสัมพันธ์ 6.3 สรุปหลักการอ่านพื้นดวงชะตา 7. เทคนิคโค้งสุริยยาตร์ (Solar Arc) 8. ศูนย์รังสี จุดอิทธิพล และพระเคราะห์สนธิ 9. การพยากรณ์จร 10. จังหวะฟ้า 10.1 ดวงทินวรรษ (Solar Return) 10.2 ดวงสงกรานต์ (Annual Horoscope) หมายเหตุ วิธีการศึกษาก็เหมือนกับการศึกษาวิชาสามัญในโรงเรียนทั่วไป ไม่มีการสอนเรื่องอิทธิฤกษ์ ปาฏิหาริย์สะเดาะเคราะห์ใดๆทั้งสิ้น จะสอนในเรื่องปรัชญา จิตวิทยา และศาสนาอย่างมีเหตุผล

ความต่างและเหมือนกัน

Sun, 14 Jul 2013 03:24:36 +0700

ความแตกต่างและเหมือนกันของ “โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยน” Uranian Astrology “โหราศาสตร์แฮมเบิรกสคูล” The Hamburg School (UR+AP-HA) “โหราศาสตร์คอสโมไบโอโลยี่(อีเบอร์ติน)” Cosmobilogy ท่านวิตเต้ได้เริ่มงานโหราศาสตร์ตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2464 (1920) ในเยอรมันนี ระบบนี้นักโหราศาสตร์จะเกี่ยวข้องกับเทคนิคของ “แฮมเบิรกสคูล” ตอนหลังท่าน อีเบอร์ติน ซึ่งสังกัดในแฮมเบิรกสคูล ได้ออกมาและตั้งสำนักใหม่ที่ใช้ระบบที่ธรรมดา(แต่ว่ากระจ่างและแม่นยำ) ชื่อว่า “ คอสโมไบโอโลยี่” ผู้เขียนเห็นว่าเพราะการตลาดทำได้ดี คอสโมไบโอโลยี่ ปัจจุบันแพร่หลายกว่า เทคนิคระบบแฮมเบิรกสคูล ตามความจริง คอสโมไบโอโลยี่ น่าจะเปิดกว้างกว่า ยูเรเนี่ยน เสียด้วย ซึ่งแพร่หลายมากในสหรัฐอเมริกาในช่วง พ.ศ. 2493-2503(1950-1960) โดยมีท่าน แฮนส นิกเกอร์มาน เปิดสอนระบบยูเรเนี่ยนในนครนิวยอรค แฮมเบิรกสคูล ได้เสนอการสอนหลักการโหราศาสตร์แบบดั้งเดิมเมื่อเทียบกับ ยูเรเนี่ยน ซึ่งพัฒนามากกว่า โดยทั่วไป ระบบเรือนชะตาและมุมดี(มุมอ่อน soft aspects) คอสโมไบโลยี่ และ ยูเรเนี่ยน จะไม่ใช้ แต่ แฮมเบิรกยังใช้อยู่ นักโหราศาสตร์แฮมเบิรกยังพบสังสรรค์กันอยู่อย่างเดิมซึ่งเป็นมาตั้ง 60 ปีแล้ว ใน เมืองแฮมเบิรก เยอรมันนี ผู้เขียนเห็นว่า เขาเหล่านั้นคงจะค้นคว้าหาเทคนิคใหม่ๆซึ่งเป็นธรรมดา สำนักโหราศาสตร์แฮมสคูล ซึ่งนำโดยท่าน อูโด รูดอฟ ซึ่งมีอายุเข้า 70 ปีปลาย มีข้อโต้เถียงกันอยู่บ่อยๆที่เกี่ยวเทคนิคการทำนายขอแฮมเบิรกที่ว่าแม่นยำที่สุดและเชื่อถือได้ ผู้เขียนได้ยินมาว่า แฮมเบิรกสคูลเป็นส่วนหนึ่งของ ยูเรเนี่ยน และในทางกลับกันก็เหมือนกัน แต่คำกล่าวดังกล่าวคงจะมองในแง่ลบเกินไป โหราศาสตร์คอสโมไบโลยี่ ไม่ใช้ดาวทิพย์ของยูเรเนี่ยน ไม่ใช้จุดอิทธิพล(A+B-C) ใช้ศูนย์รังสีทางตรงและทางอ้อม ไม่่ใช้ระบบเรือบชะตา โหราศาสตร์คอสโมไบโลยี่ ใช้ศูนรังสีทางตรง เป็นจุดสำคัญอันดับแรก ศูนย์รังสีทางอ้อมเป็นจุดสำคัญรองลงมา โหราศาสตร์คอสโมไบโลยี่ ไม่ใช้มุม 22.5 องศา มักจะใช้มุม 8 ฮาโมนิค(0, 90, 180, 45 องศา) โดยนักโหราศาสตร์ที่มีความชำนาณแล้วจะเอามุมอ่อนมาเป็นประกอบบ้าง โหราศาสตร์คอสโมไบโลยี่ ไม่สนใจระบบเรือบชะตา ราศี ดาวทิพย์เลย ข้อที่ไม่เหมือนกันอีกข้อหนึ่ง คือจานหมุน ท่าน อีเบอร์ติน ได้พัฒนาดวงแบบ cosmogram เอาจาน 360 ผสมกับ จาน 90 เข้าด้วยกัน และได้ใช้กราฟของดวง ว่ามีความสัมพันธ์ ดวงกำเนิด ดวงโค้งสุริยะยาตร ดวงดรรชนี ต่อกันอย่างไร เพียงแต่ดูจากกราฟว่าจะจะเกิดเรื่องเมื่อไร (กราฟนี้เขียนเองก็ได้ แต่โปรแกรมของต่างประเทศเช่น Janus ก็มี ศ.) ผู้เขียนไม่ทราบว่า โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยน ใช้ด้วยหรือเปล่า โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยน และ โหราศาสตร์คอสโมไบโลยี่ มีความแตกต่างกันไม่มากนัก ข้อที่สำคัญ คือ โหราศาสตร์คอสโมไบโลยี่ ไม่ใช่ ดาวทิพย์ของยูเรเนี่ยนและจุดอิทธิพล(ในพ.ศ. 2547 สำนักของท่าน รูท ก็ไม่ใช้จุดอิทธิพลอีกต่อไป ศ.) ท่านจะพิจารณาดวงโดยใช้เทคนิคของยูเรเนี่ยน แฮมเบิรกสคูล ถ้าเอาดาวทิพย์มาพิจารณาด้วยมุมแรง ไปจนถึง มุม 22.5 องศา เราจะเห็นว่ามีอะไรมากกว่าที่ไม่มีดาวทิพย์ ที่โหราศาสตร์ระบบอื่นไม่เห็น แต่อย่าลืมว่าต้องใช้วังกะที่แคบไม่เกิน 1 องศา นักโหราศาสตร์ที่เข้ามาสู่โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนใหม่ๆ มักไม่สำเหนียกว่าระบบนี้ซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นมาแค่ 50-60 ปีมานี้เอง ในเมืองแฮมเบิรก และเทคนิคเก่าส่วนมากได้พัฒนาขึ้นมาเพราะนักโหราศาสตร์รุ่นใหม่ๆที่ค้นคว้าศึกษามาเรื่อยไม่หยุด พูดกันตามตรงด้วยความซื่อสัตย์และยุติธรรม มีการไม่ลงรอยกันระหว่างนักโหราศาสตร์ทั้งสามกลุ่มนี้ ตามความจริง ผู้เขียนยังได้เห็นบางโอกาสว่าพวกหัวเก่ามักจะมีความเองเอียง อคติ ก้าวร้าว และริษยา เรื่องอย่างนี้ไม่พูดจะดีกว่าเพราะใครๆก็รู้ อย่างไรก็ตามเราอยู่ในยุค 2533(1990) ด้วยอิทธิพลของอินเตอร์เนทจะทำให้การสื่อสารที่ดีแล้วเข้าใจกัน แล้วจะทำให้มีความก้าวหน้าในทางวิชาการของโหราศาสตร์ทั้งสามกลุ่ม สตีฟ

ยูเรเนี่ยน คือ ?

Sun, 14 Jul 2013 03:20:33 +0700

โหราศาสตร์ยูเรเนียน (ภาษาอังกฤษ Uranian Astrology) หมายถึง โหราศาสตร์แขนงหนึ่ง โดยนาย อัลเฟรด วิตเตอร์ ชาวเยอรมัน เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา โดยไม่ได้มีเจตนาที่จะสถาปนาเป็นโหราศาสตร์ระบบใหม่ แต่กล่าวว่าเป็นการนำวิชาโหราศาสตร์ที่ศึกษาค้นคว้าสืบต่อกันมาแต่โบราณที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นแก่นแท้หรือหลักการที่เชื่อถือได้ มาประยุกต์เข้ากับวิทยาการยุคใหม่ และเรียกแนวทางนี้เป็นภาษาเยอรมันว่า "Hamburger Schule" หรือ "Hamburg School" ในภาษาอังกฤษ เมื่อมีผู้นำแนวคิดทางโหราศาสตร์ของ Hamburg School ไปเผยแพร่ในประเทศสหรัฐอเมริกา จึงกำหนดชื่อ Uranian Astrology ขึ้นเพื่อหวังผลทางด้านการโฆษณา เอกลักษณ์ของโหราศาสตร์ยูเรเนียน นำเอาทฤษฎีการสะท้อน (Antiscien) มาประยุกต์ใช้ในการพยากรณ์อย่างกว้างขวาง การคำนวณ "ศูนย์รังสี" (Half Sum หรือ Midpoint) และ "จุดอิทธิพล" (Sensitive Point) มาในการพยากรณ์ ทำให้มีจุดพยากรณ์ให้เลือกใช้ในดวงชะตาถึง 5 พันกว่าจุด การคำนวณดาวเคราะห์เพิ่มเติมซึ่งอยู่ถัดจากดาวเนปจูน (ขณะนั้นยังไม่มีการค้นพบพลูโต) รวม 8 ดวง โดยเรียกดาวพระเคราะห์เหล่านี้ว่า "ทรานส์เนปจูน" (Transneptunian Objects) ในภาษาไทยนิยมเรียกว่า "ดาวทิพย์" ใช้ "โค้งสุริยยาตร์" (Solar Arc) ในการพยากรณ์จรตามอายุขัย พัฒนาเรือนชะตาหลักขึ้น 6 แบบ ได้แก่ เรือนชะตาโลก (จากจุดเริ่มต้นราศีเมษหรือราศีตุลย์) เรือนชะตาเมอริเดียน เรือนชะตาลัคนา เรือนชะตาอาทิตย์ เรือนชะตาจันทร์ และเรือนชะตาราหู อันเป็นผลให้มีการแยกเรือนชะตาเมอริเดียนและเรือนชะตาลัคนาออกจากกันอย่างเด็ดขาด โหราศาสตร์ยูเรเนียนในประเทศไทย อาจารย์จรัญ พิกุล ได้เริ่มศึกษาโหราศาสตร์ยูเรเนียนจากหนังสือที่เพื่อนคือคุณอุดม ปัทมินทร์นำมามอบให้ เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2503 จากนั้นได้เขียนตำราโหราศาสตร์ยูเรเนียนเล่มแรกคือ "แนะนำโหรายูเรเนียน" เมื่อ พ.ศ. 2511 ขณะในปี พ.ศ. 2511-2515 พันโทประยูร พลอารีย์ (ยศขณะนั้น) ได้ไปศึกษาวิชาโหราศาสตร์ยูเรเนียนโดยตรงจากประเทศเยอรมนี เมื่อกลับถึงประเทศไทยจึงได้ร่วมกับอาจารย์จรัญ พิกุล เปิดอบรมโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนที่โรงเรียนอาจารย์เกริก สี่แยกคอกวัว และก่อตั้งเป็นโรงเรียน "โหราศาสตร์กรุงเทพ" ในเวลาต่อมา หลังจากที่พลตรี ประยูร พลอารีย์ และ อาจารย์จรัญ พิกุล ถึงแก่กรรมลง ยังคงมีการเปิดสอนโหราศาสตร์ยูเรเนียนในประเทศไทยตามสำนักต่างๆ หลายแห่งด้วยกัน

ที่มาของเรือนชะตา

Thu, 03 Sep 2009 21:43:47 +0700

ที่มาของเรือนชะตาทั้งสิบสอง ในบทก่อนๆเราได้เรียนรู้ถึงที่มาของจักรราศีพร้อมทั้งความหมายในแง่มุมต่างๆเป็นที่เรียบร้อย เมื่อทราบความหมายของจักรราศีแล้ว เราก็สามารถทราบถึงที่มาของดาวพระเคราะห์ พร้อมความหมายในบทถัดมา จะเห็นได้ว่านักโหราศาสตร์สามารถทราบอิทธิพลของจักรราศีและดาวพระเคราะห์ ได้โดยอาศัยธรรมชาติหรือพัฒนาการของชีวิตเป็นแม่บท และอุปมาเทียบเคียงจนสามารถไขความลับที่เหมือนเส้นผมบังภูเขาให้กระจ่างสว่างตาได้นอกจากจักรราศีแล้ว ดาวพระเคราะห์ นักโหราศาสตร์ยังสามารถค้นพบระบบเรือนชะตาออกมาได้อีก ซึ่งใช้เป็นเครื่องมือบอกความเป็นไปในการก้าวเข้ามาสู่โลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักโหราศาสตร์สามารถค้นพบระบบเรือนชะตาได้โดยเทียบเคียงธรรมชาติของจุดวิษุวัตและลัคนา ดังนี้ จุดวิษุวัต คือ จุดที่เส้นระวิมรรคตัดกับเส้นศูนย์สูตรฟ้าขาขึ้น จุดลัคนา คือ จุดที่เส้นระวิมรรคตัดกับเส้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก จะเห็นได้ว่าทั้งจุดวิษุวัตและลัคนาต่างก็อยู่บนระวิมรรค ขาขึ้น ้อีก ซึ่งใช้เป็นเครื่องมือบอกความเป็นไปในการก้าวเข้ามาสู่โลกได้อย่ธรรมชาติทั้งสองจุดนี้จึงน่าจะเทียบเคียงกันได้ นั่นคือ น่าจะมีอิทธิพลทางโหราศาสตร์เหมือนๆกัน เนื่องจากจุดวิษุวัติเป็นจุดตั้งต้นของจักรราศีซึ่งมี 12 ส่วน ดังนั้น ลัคนาก็น่าจะเป็นจุดตั้งต้นของจักรราศีอีกรูปแบบหนึ่งที่มี 12 ส่วนเหมือนกัน แต่แทนที่จะเรียกว่าจักรราศี นักโหราศาสตร์จึงตั้งชื่อใหม่ว่า “เรือนชะตาทั้งสิบสอง” โดยอิทธิพลหรือความหมายของเรือนชะตาสามารถเทียบเคียงได้กับอิทธิพลหรือความหมายของราศีทั้งสิบสอง เราสามารถจำแนกรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเรือนชะตาทั้งสิบสองได้ดังนี้ เรือนชะตาที่ 1 ความหมายหัวใจ ฉัน ความหมายละเอียด บุคคลอื่น บรรพบุรุษ สมาชิกภายในครอบครัว พันธุ์กรรมและสิ่งแวดล้อม ลักษณะรูปร่างและบุคลิกของเจ้าชะตาที่ได้รับการถ่ายทอดมา เปิดเผยถึงชีวิตโดยส่วนรวมในทัศนะกว้างๆ เรือนชะตาที่ 2 ความหมายหัวใจ เข้ามา ความหมายละเอียด การเป็นเจ้าของทางด้านวัตถุและอุดมการณ์ การเงิน สังหาริมทรัพย์ กำไรและขาดทุน ฐานะทางการเศรษฐกิจ ธุรกิจ ผลกำไร ทรัพย์สมบัติ เรือนชะตาที่ 3 ความหมายหัวใจ ที่นี่ ใกล้ ความคิดทางวัตถุ ความหมายละเอียด เพื่อนบ้าน การเดินทางระยะใกล้ ข่าวสาร จดหมาย เอกสารสัญญา พี่ชายน้องชาย ความเฉลียวฉลาด เรือนชะตาที่ 4 ความหมายหัวใจ อดีต วัยเด็ก ข้างใน ความหมายละเอียด บ้านเกิด ที่อยู่อาศัย ที่ดิน วัยเด็ก วัยชรา การถึงแก่กรรมว่าจะเป็นแบบใด เรือนชะตาที่ 5 ความหมายหัวใจ บุตร หว่านพืช ความหมายละเอียด บุตร การรับเหมา การเก็งกำไร การพนันขันต่อ กีฬา การบันเทิง โรงมหรสพ การศึกษา เด็ก เรือนชะตาที่ 6 ความหมายหัวใจ การเจ็บป่วย การงาน ความขยัน สังคมนิยม ความหมายละเอียด การงาน ธุรกิจ การเจ็บป่วย บ่าวและผู้ใต้บังคับบัญชา ศัตรู เรือนชะตาที่ 7 ความหมายหัวใจ เธอ ความหมายละเอียด คู่สัญญา ผู้ร่วมงาน หุ้นส่วน คู่สมรส ผู้คุ้นเคย และญาติฝ่ายอื่น ฝ่ายตรงข้าม ศัตรูที่เปิดเผย คดีความ เรือนชะตาที่ 8 ความหมายหัวใจ ออกไป ความหมายละเอียด ความเศร้าสลด ความตาย มรดก พินัยกรรม ไสยศาสตร์ ความเร้นลับ วิปัสสนา เรือนชะตาที่ 9 ความหมายหัวใจ ที่นั้น ไกล ต่างประเทศ ความคิดทางด้านอุดมการณ์ ความหมายละเอียด การเดินทางไกล ต่างประเทศ ความคิดอันสูงส่ง วิทยาการ ปรัชญาชีวิต ศาสนา การเมือง เรือนชะตาที่ 10 ความหมายหัวใจ อนาคต วัยชรา ความสูงส่งของชีวิต ข้างนอก ความหมายละเอียด ตำแหน่งในสังคม อาชีพการงาน ความสูงส่งของชีวิต ความเป็นตัวของตัวเอง เรือนชะตาที่ 11 ความหมายหัวใจ มิตร หวังผล ความหมายละเอียด เพื่อนฝูง ความหวังและความต้องการ ผลประโยชน์ รายได้ โชคลาภ เรือนชะตาที่ 12 ความหมายหัวใจ การถือสันโดษ ความเปล่าเปลี่ยว อนุรักษ์นิยม ความหมายละเอียด การกักขัง ศัตรูลับ การถือสันโดษ การมีความเป็นอยู่อย่างเลวๆ อุปสรรคต่างๆ คุกตาราง โรงพยาบาล สมาคมปิด ความเปล่าเปลี่ยว การไม่ช

ความหมายดาวพระเคราะห์

Wed, 02 Sep 2009 21:03:36 +0700

ความหมายของดาวพระเคราะห์ อาทิตย์ คำกุญแจ กาย ,ชีวิต วัย ชีวิตในครรภ์ เกษตร ราศีสิงห์ ความหมาย ร่างกายที่มีชีวิตจิตใจ ชีวิต ความปรารถนา ความแข็งแรง วันนี้ อวัยวะต่างๆ มันสมอง ประสาท หัวใจ ตาขวาของเจ้าชะตาชาย ตาซ้ายของเจ้าชะตาหญิง ประสาทการแลเห็น และซีกขวาของร่างกาย อาชีพ ข้าราชการ ผู้รับเหมา ผู้อำนวยการ ช่างทอง จันทร์ คำกุญแจ จิต วัย ทารก เกษตร กรกฎ ความหมาย สตรี ประชาชน บุคคลหลายคน ชั่วโมง การทำงานของมันสมอง อารมณ์ ต่อมต่างๆ การขับถ่ายของเสีย อวัยวะต่างๆ สมอง ตาซ้ายของเจ้าชะตาชาย ตาขวาของเจ้าชะตาหญิง กระเพาะ ท้อง พุง ซีกซ้ายของร่างกาย ลำไส้ เต้านม กระเพาะปัสสาวะ อวัยวะเพศและตับเจ้าชะตาหญิง อาชีพ นายแพทย์ พยาบาล เจ้าของเกสต์เฮาส์ มารดา พุธ คำกุญแจ คิด วัย เด็ก, วัยรุ่น เกษตร มิถุน, กันย์ ความหมาย ความเฉลียวฉลาด ความคิด การแสดงออกในทางการพูด การเขียน การเลียนแบบ แนวความคิด และแผนการต่างๆ ความคล่องแคล่ว วัยหนุ่ม วจีกรรม อวัยวะต่างๆ มันสมอง ประสาท ความทรงจำ การมองเห็นภาพพจน์ต่างๆ ลิ้น มือ นิ้วมือ น้ำดีตับ ปอด ขาอ่อน อวัยวะที่เกี่ยวกับการพูดและการได้ยิน อาชีพ นักเดินทาง นักตรวจร่าง ห้องสมุด ครู อาจารย์ ศุกร์ คำกุญแจ ความรัก วัย หนุ่มสาว เกษตร พฤษภ, ตุลย์ ความหมาย ความรัก ความสอดคล้องต้องกัน การคล้อยตาม ความสงบสุข ความสวยงาม ศิลปะ ความงาม ดนตรี ความหรรษา ความสนุกทางกามารมณ์ ความมีรสชาติ ความพอใจ สตรี สตรีผู้มีความเป็นแม่และคอยเอาใจใส่ดูแล มโนกรรม อวัยวะต่างๆ มดลูก ไต อวัยวะสืบพันธ์ของสตรี เต้านม คอ บั้นเอว ก้นกบ ตับ กลิ่น อาชีพ ของฟุ่มเฟือย น้ำหอม เครื่องสำอาง ทำสวน ขายดอกไม้ เสริมสวย อังคาร คำกุญแจ การกระทำ วัย วัยฉกรรจ์ เกษตร เมษ, พิจิก ความหมาย การกระตือรือร้น กิจกรรม ความปรารถนา แรงกระตุ้น การกระทำ การดำเนินงาน ความหุนหัน ความอักเสบ บุคคลเพศชาย การงาน ธุรกิจ กายกรรม อวัยวะต่างๆ หูซ้าย น้ำดี(ตับ) ไต หลอดเลือดโลหิตดำ อวัยวะเพศ อัณฑะ อาชีพ ศัลยแพทย์ นักฆ่า ทำงานโรงฆ่าสัตว์ เพชฌฆาต ช่างเหล็ก คนขับรถ พฤหัส คำกุญแจ ความสุข วัย ผู้ใหญ่ เกษตร ธนู, มีน ความหมาย โชคลาภ ความสำเร็จ ความสุข บุญกุศล การขยายตัว ความสมบูรณ์ เงินทอง ความยุติธรรม ความหวังดี ความกรุณา ความดี อวัยวะต่างๆ ตับ เส้นโลหิตแดง ชีพจร อสุจิชาย อาชีพ พระ นักปรัชญา พ่อค้าใหญ่ นักการเมือง เสาร์ คำกุญแจ ความทุกข์ วัย วัยชรา เกษตร มังกร, มีน ความหมาย การพลัดพราก ความจำกัด ความยากลำบาก การสูญเสีย อุปสรรคหน่วงเหนี่ยว ความบากบั่น ความละเอียดถี่ถ้วน ความช้านาน การเหินห่าง ความเปล่าเปลี่ยว ความแก่ชรา ความเหนี่ยวแน่น ความแข็ง การมีความแข็งกระด้าง การมีอารมณ์ขุ่นมัว การเก็บรักษาเอาไว้ ความขี้เหนียว ความอิจฉาริษยา ความทุกข์ อวัยวะต่างๆ หูขวา ม้าม กระเพราะปัสสาวะ กระดูก ฟัน อาชีพ เจ้าของอาคาร ชาวเหมือง สถาปนิก ประจำสำนักงาน มฤตยู คำกุญแจ ฉับพลัน วัย วัยผันแปร เกษตร กุมภ์ ความหมาย ความฉับพลัน ความประหลาดใจ ความตื่นเต้นตกใจ เหตุการณ์หรืออาการทางประสาท การแสดงออกที่วิตถาร กำลังงานไฟฟ้า การเปลี่ยนแปลงใหม่ อวัยวะต่างๆ น่อง ข้อเท้า ไขมันในกระดูก มันสมอง ประสาทและความเข้มแข็งของประสาท อาชีพ นักค้นคว้า นักปฏิรูป ช่างศิลปะ ผู้ก่อกวน เนปจูน คำกุญแจ ดับสูญ วัย วัยหลง เกษตร มีน ความหมาย ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความไม่แจ่มใส การหลอกลวง หมอก ไอพิษ วิปัสสนา สภาวะลับๆล่อๆ พัฒนาการที่ไม่แน่นอน ของเหลว ความผิด ความลวง อวัยวะต่างๆ เท้า นิ้วเท้า อาชีพ นักประพันธ์ นักดนตรี แพทย์ เภสัชกร นักปรัชญา พวกนอกรีต พลูโต คำกุญแจ พัฒนาการ วัย ชีวิตใหม่ เกษตร เมษ ความหมาย พัฒนาการ การเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยน ความผันแปร การเจริญเติบโต การแตกแขนง การสถาปนาใหม่ การปฏิวัติ การปฏิรูป อวัยวะต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการค้นคว้า อาชีพ นักวางแผน นักปฏิรูป

ที่มาดาวพระเคราะห์

Wed, 02 Sep 2009 21:01:40 +0700

ที่มาอิทธิพลของดาวพระเคราะห์ บนท้องฟ้าหรือปรมาตมัน นอกจากจะมีจักรราศีหรือเส้นระวิมรรคหรือเส้นทางโคจรของดวงอาทิตย์รอบโลกแล้ว ยังมีดาวพระเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาลอีกจำนวนหนึ่งที่มีสภาพเป็นปรมาตมันเมื่อเทียบกับโลก จากสมาการแห่งจักรวาลข้อที่ 1 นี่เองที่ทำให้นักโหราศาสตร์ให้ความสนใจดาวพระเคราะห์ทั้งหลายว่าควรจะอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกันกับโลก นั่นคือ ดาวพระเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาลก็น่าจะมีผลต่อโลกเช่นเดียวกันกับจักรราศี โดยอาศัยหลักธรรมชาติเรื่อง “วัย” เมื่อเทียบการโคจรใกล้ไกลจากดวงอาทิตย์หรือลำดับความเร็วในการโคจรของดาวพระเคราะห์ กับธรรมชาติของชีวิตที่พัฒนาการไปตั้งแต่เกิดจนตาย พบว่ามีความสอดคล้องกันเป็นอย่างยิ่ง ดาวพระเคราะห์ที่โคจรเร็วเทียบได้กับวัยเด็ก ดาวพระเคราะห์ที่โคจรช้าก็หมายถึงวัยที่มากขึ้นจนถึงวัยชรา ดาวพระเคราะห์ดวงใดตรงกับชีวิตวัยใด ก็จะมีอิทธิพลเทียบได้กับชีวิตในวัยนั้น เราสามารถพิจารณาดาวพระเคราะห์ได้เป็นสองระบบ คือ 1. ระบบดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง (Heliocentric) หรือระบบสุริยจักรวาลลำดับการโคจรรอบดวงอาทิตย์ก็จะเป็นไปตามความจริง ซึ่งเรียงลำดับได้ดังนี้ พุธ ศุกร์ โลก อังคาร พฤหัส เสาร์ มฤตยู เนปจูนและพลูโต มีการนำมาใช้ในกิจกรรมการพยากรณ์บ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะในต่างประเทศ แต่ไม่แพร่หลายนัก 2. ระบบโลกเป็นศูนย์กลาง (Geocentric) ใช้ในกิจกรรมทางโหราศาสตร์เท่านั้น ดาวพระเคราะห์ที่โคจรรอบโลกเรียงลำดับเรียงลำดับได้ดังนี้ จันทร์ พุธ ศุกร์ อังคาร พฤหัส เสาร์ มฤตยู เนปจูน และ พลูโต (เรียงลำดับตามอัตราการโคจรเมื่อมองออกไปจากโลก) นักโหราศาสตร์สามารถตีความเข้าถึงอิทธิพลของดาวพระเคราะห์ได้โดยอาศัยสมการแห่งจักรวาลและการอุปมา จากการพิจารณาระยะใกล้ไกลของดาวพระเคราะห์ เรียงลำดับได้ดังนี้ อาทิตย์ – จันทร์ – พุธ – ศุกร์ – อังคาร – พฤหัส – เสาร์ – มฤตยู – เนปจูน – พลูโต ชีวิตเริ่มต้นจากการปฏิสนธิเกิดเป็นชีวิตในครรภ์ ซึ่งเทียบได้กับอาทิตย์ แสดงว่าชีวิตเกิดขึ้นก่อนการคลอดจากครรภ์มารดาโดยแฝงอยู่ในเชื้อพันธุ์หรือสเปอร์มของบิดา อาทิตย์นอกจากจะหมายถึงชีวิตแล้ว ยังหมายถึงบุคคลเพศชาย สามี บิดา สเปอร์ม หมายถึงสิ่งที่กายทั้งหลาย เพราะสิ่งที่กายดำรงอยู่ได้พลังงานจากดวงอาทิตย์นั่นเอง รวมหมายถึงสิ่งที่มีความโดดเด่นทุกรูปแบบ จะเห็นว่าอิทธิพลของดวงอาทิตย์ยังเทียบได้กับราศีสิงห์ จันทร์มีธรรมชาติเทียบเคียงได้กับวัยทารก ซึ่งเป็นวัยถัดมา จะเห็นได้ว่าเด็กทารกมักจะมีผิวพรรณผุดผ่องขาวนวลเหมือนพระจันทร์ข้างขึ้น ใบหน้ามักกลม พระจันทร์จึงมีอิทธิพลรุนแรงในวัยทารก จันทร์หมายถึง จิตใจ อารมณ์ ภรรยา บุคคลเพศหญิง สิ่งที่อ่อนไหวทั้งปวง ธรรมชาติของจันทร์จะสอดคล้องกับธรรมชาติของราศีกรกฎเป็นอย่างยิ่ง ถัดจากวัยทารกก็มาถึงวัยเด็กหรือวัยรุ่นหรือวัยเรียนวัยศึกษา ถ้าเปรียบเทียบกับพุธจะเห็นว่าพุธเป็นดาวพระเคราะห์ดวงเล็ก มีการโคจรรวดเร็วคล่องแคล่ว ปราดเปรียว สอดคล้องกับธรรมชาติของวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี นักโหราศาสตร์จึงสามารถทราบอิทธิพลของพุธได้โดยเทียบกับธรรมชาติของวัยดังกล่าว พุธจึงเป็นตัวแทนของการใช้ความคิด การติดต่อ การเรียนรู้ การศึกษา การพูดจา การสมาคม การเคลื่อนไหว ความเฉลียวฉลาด พุธเทียบได้กับความหมายของราศีมิถุนและราศีกันย์ ถัดจากวัยรุ่นก็มาถึงวัยรัก วัยหนุ่มสาว ศุกร์มีอิทธิพลแทนวัยดังกล่าว ศุกร์จึงเป็นดาวแห่งความรัก ความสุข ความสวยงาม ความสงบสุข หญิงสาว เงินทอง โชคเล็ก สิ่งที่น่ารื่นรมย์ทั้งหลาย ความหมายของศุกร์เทียบได้กับความหมายของราศีพฤษภและราศีตุลย์ ถัดจากวัยรักก็มาวัยฉกรรจ์ เป็นหน้าที่ของอังคารที่เข้ามารับบทบาท เป็นวัยแห่งการทำงาน ความกระตือรือร้น วัยแห่งการริเริ่ม บุกเบิก การเริ่มต้นใหม่ๆ เป็นวัยที่นิยมใช้ความกล้าแข็ง ความรุนแรงเป็นตัวนำ อังคาร มีความหมายเหมือนราศีเมษและราศีพิจิก เมื่อทำงานได้ระยะหนึ่ง คนเราก็จะเริ่มเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีวุฒิภาวะมากขึ้นดูน่าเลื่อมใส เริ่มสนใจศาสนา ปรัชญาชีวิต เพราะการผ่านร้อนผ่านหนาวมาในระดับหนึ่ง ผ่านการต่อสู้ชีวิตมาในระดับหนึ่งนั้นเอง ถือว่าเป็นวัยผู้ใหญ่หรือแห่งการประสบความสำเร็จ พฤหัสจึงรับหน้าที่ในส่วนนี้ และมีความหมายเหมือนราศีธนูและราศีมีน เมื่อผ่านวัยผู้ใหญ่ อายุที่มากขึ้นก็จะนำให้ชีวิตเข้าสู่วัยชรา เริ่มทุกข์ วิตกกับความเป็นไปของชีวิต เผชิญการพลัดพรากจากไปของคนใกล้ชิดมากขึ้น จะทำการสิ่งใดก็มักช้าเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แต่แฝงไปด้วยความรอบคอบ ประเภท “ช้าเป็นการ นานเป็นคุณ” สิ่งเหล่านี้คืออิทธิพลของดาวเสาร์ ซึ่งความหมายเหมือนราศีมังกรและราศีกุมภ์ เมื่อผ่านวัยเสาร์มาได้ ก็จะเข้าสู่วัยมฤตยู เป็นวัยแห่งการผันแปร เอาแน่เอานอนไม่ได้ เป็นวัยที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้น ไม่คาดฝัน ผันผวน ตึงเครียด มฤตยูมีอิทธิพลเทียบเคียงได้กับความหมายของราศีกุมภ์ เมื่อผ่านชีวิตมาพอสมควร ตั้งแต่ปฏิสนธิในครรภ์ เป็นทารก ผ่านวัยเด็ก วัยรุ่น หนุ่มสาว วัยฉกรรจ์ เป็นผู้ใหญ่ ผ่านวัยชรา ผ่านวิกฤติชีวิต ก็มาถึงวัยแห่งการดับสูญ การคลี่คลายของชีวิต ถ้ายังไม่ตายก็ต้องหลงกันบ้างแล้ว วัยนี้เนปจูนเข้ามีบทบาทสำคัญ เนปจูนมีความหมายเหมือนราศีมีนทุกประการ วัยสุดท้ายของชีวิตก็มาถึงวัยแห่งการพัฒนาการ หรือการตายเพื่อเกิดใหม่ในชาติต่อไปนั่นเอง พลูโตเป็นผู้มารับช่วงต่อจากเนปจูน พลูโตหมายถึงชีวิตใหม่หรือการพัฒนาการของชีวิต มีความหมายตรงกับราศีเมษทุกประการ

ความหมายจักรราศี

Wed, 02 Sep 2009 20:59:06 +0700

ความหมายจักรราศีในแง่มุมต่างๆ เมื่อเราทราบถึงปรัชญาที่มาของราศีทั้งสิบสองแล้ว ลำดับต่อไปเป็นการศึกษาถึงความหมายพื้นฐานของแต่ละราศี ซึ่งจำแนกเป็นพวกๆเพื่อง่ายต่อการจดจำและนำไปใช้งาน ราศีเมษ ( 21 มีนาคม – 20 เมษายน) คำกุญแจ เกิด บุคลิกภาพ มีหัวริเริ่ม ขยัน ชอบทำตัวเป็นเด็ก ใจร้อน โกรธง่ายหายเร็ว ไม่รอบคอบ อวัยวะ ศีรษะ หน้า ตา หู ไต มันสมอง โรคภัยไข้เจ็บ โรคเกี่ยวกับคอ ศีรษะ โรคฟัน ลมชัก โรคเส้นประสาท เวียนศีรษะ ลมบ้าหมู โรคทางสมอง ผมร่วง เนื้องอก โรคประสาท ไตอักเสบ เบาหวาน โรคนอนไม่หลับ โรคเกี่ยวกับปัสสาวะ ราศีพฤษภ (21 เมษายน – 21 พฤษภาคม) คำกุญแจ เพิ่ม บุคลิกภาพ ชอบสะสม ขรึม จิงจัง ชอบสนุก อวัยวะ คอ ต้นคอ ลำคอ อวัยวะเพศ ช่องคอ ช่องจมูก ไต โรคภัยไข้เจ็บ การบวมของต่อมต่างที่ช่องคอและคอหอย เนื้อตาย โรคซาง โรคเนื้องอกของไขมัน ต่อมทอนซิลและคออักเสบ เจ็บคอ ดีฟซีเรีย การอักเสบของกล่องเสียง เนื้องอกที่คอ เป็นฝีที่คอ ซิฟีลิส หนอง ฝี ราศีมิถุน (22 พฤษภาคม – 20 มิถุนายน) คำกุญแจ การเข้าออก บุคลิกภาพ ชอบสมาคมติดต่อ อยากรู้อยากเห็น ช่างพูดรอบรู้ ฉลาด อวัยวะ บ่า แขน ไหล่ มือ ปอด กล้ามเนื้อ โรคภัยไข้เจ็บ ประสาทไม่ปกติ โรคปอด ปอดบวม เยื่อหุ้มอักเสบ ถุงหัวใจอักเสบ ราศีกรกฎ (21 มิถุนายน – 22 กรกฎาคม) คำกุญแจ นิ่ง บุคลิกภาพ เฉื่อย ความรู้สึกไว นักฝัน ชอบประเพณี รักบ้านเกิด ไม่เด็ดขาด อ่อนไหวง่าย อวัยวะ ทรวงอก ตับ กระเพาะ เนื้อหนังต่างๆ โรคภัยไข้เจ็บ มะเร็งกระเพาะและเต้านม ไส้เลื่อน ติดสุรา เบื่อชีวิต วิกลจริต ฮีสทีเรีย โรคของหนังกำพร้า ราศีสิงห์ (23 กรกฎาคม – 22 สิงหาคม) คำกุญแจ ต้องการ บุคลิกภาพ ขี้โอ่ ชอบนำ ทะเยอทะยาน ท่ามาก เอาแต่ใจตัวเอง เหนือผู้อื่น ทำตัวเด่นดัง รักชื่อเสียงรักน่าตัวตัวเอง อวัยวะ หัวใจหลัง ซี่โครง สีข้าง โรคภัยไข้เจ็บ โรคหัวใจ สายตา ระบบโลหิต โลหิตน้อย โลหิตจาง ราศีกันย์ (23 สิงหาคม – 23กันยายน) คำกุญแจ ตักตวง บุคลิกภาพ ละเอียด เอาใจใส่ดี จู้จี้เจ้าระเบียบ ชอบทำงาน ชอบวิจารณ์ จับผิดเก่ง อวัยวะ ลำไส้ ม้าม ท้อง โรคภัยไข้เจ็บ บิด ท้องผูก พยาธิ ลำไส้ ราศีตุลย์ (24 กันยาน – 23 ตุลาคม) คำกุญแจ ปรับตน บุคลิกภาพ เอื้อเฟื้อ น่ารัก รักสวยรักงาม มีเสน่ห์ ชอบพูดจาดี มีความยุติธรรม ปรับตัวเก่ง อวัยวะ ต้นขาหนีบ ไต กระเพาะปัสสาวะ โรคภัยไข้เจ็บ เบาหวาน โรคเกี่ยวกับปัสสาวะ ไตเรื้อรัง โลหิตไม่ปกติ ราศีพิจิก (24 ตุลาคม – 22 พฤศจิกายน) คำกุญแจ อุทิศตน บุคลิกภาพ เลือดเย็น ขี้ระแวง ทรหด ลึกลับ ตายเพื่อความรัก ดุ กล้า เสียสละ อวัยวะ อวัยวะเพศ โรคภัยไข้เจ็บ โรคเกี่ยวกับอวัยวะเพศทั้งหลาย ราศีธนู (23 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม) คำกุญแจ ไกลพิศวง บุคลิกภาพ ไม่เห็นแก่ตัว เป็นผู้ใหญ่ เจ้าปรัชญา ชอบศาสนา มองการไกล ชอบช่วยเหลือคน อวัยวะ สะโพก เชิงกรานด้านหลัง(ก้น) โรคภัยไข้เจ็บ โรคเข้าข้อ โรคบวมตามข้อ ราศีมังกร (22 ธันวาคม – 20 มกราคม) คำกุญแจ การบรรลุ บุคลิกภาพ เยือกเย็น ตระหนี่ รอบคอบ พูดค่อย หากินเก่ง ขี้วิตกกังวล เจ้าทุกข์ ชีวิตมักพลัดพรากบ่อย อวัยวะ เข่า หน้าแข้ง กระดูก โรคภัยไข้เจ็บ โรคผิวหนังต่างๆ โรคลมพิษ โรคเกี่ยวกับกระดูก ราศีกุมภ์ (21 มกราคม – 19 กุมภาพันธ์) คำกุญแจ สัมพันธ์ บุคลิกภาพ คล่อง หัวดี รู้ใจคน สัมพันธ์กับคนอื่นง่าย หัวดื้อ มีหัวปฏิวัติ หัวสมัยใหม่ อวัยวะ หน้าแข้ง น่อง ข้อเท้า ข้อนิ้ว โรคภัยไข้เจ็บ โลหิตไม่ปกติ โลหิตน้อย โลหิตเป็นพิษ ท้องอืด การป่วยที่มีอาการแปลกๆ เคล็ดยอกที่น่อง ตะคริว ราศีมีน (22 กุมภาพันธ์ – 20 มีนาคม) คำกุญแจ เวิ้งว้าง บุคลิกภาพ เห็นใจคนง่าย ประทับใจง่าย ชอบสันโดษ สนใจวิปัสสนา ชีวิตคลุมเครือ ไม่ค่อยแน่นอน อวัยวะ วัณโรคปอด เสมหะมาก ติดยาเสพติด บวม เนื้องอก ขี้เมา โรคลำไส้ โกโนเรีย การหาตำแหน่งดวงอาทิตย์ในดวงชะตาว่าสถิตในราศีใด องศาใดด้วยการคิดในใจ คำนวณโดยเอาวันที่เกิด บวกด้วย แปด จะได้ค่าสมผุสของอาทิตย์ว่าสถิตที่ประมาณองศาใด ในราศีที่ชื่อตรงกับเดือนนั้น หากจำนวนองศาที่ได้เกิน 30 องศา ให้เอา 30 ลบสมผุสของอาทิตย์ในดวงชะตา โดยสถิตตรงกับราศีที่มีชื่อตรงกับเดือนถัดไป เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถพยากรณ์ดวงชะตาขั้นต้นได้แล้ว ยกตัวอย่าง เจ้าชะตา เกิดวันที่ 25 เมษายน 2500 ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในดวงชะตา คือ 25 + 8 - 30 = 3 องศาราศีพฤษภ ชีวิต (อาทิตย์) ของเจ้าชะตาจึงอยู่ภายใต้อิทธิพลราศีพฤษภ ท่านสามารถนำความหมายต่างๆ ในราศีพฤษภทั้งหลายมาพยากรณ์ให้เจ้าชะตาฟังได้ทันที เช่น ด้านบุคลิกภาพ เจ้าชะตาเป็นคนประเภทวัตถุนิยม ชอบสะสม มีนิสัยอดทน มุ่งสร้างความมั่นคง ชอบความสบาย แต่ไม่ย่อท้อ ควรระวังโรคภัยไข้เจ็บที่เกิด บริเวณลำคอ กล่องเสียง ดังนั้นเมื่อท่านศึกษาจบบทนี้แล้ว ท่านก็สามารถพยากรณ์ดวงชะตาให้แก่คนอื่นได้ในระดับหนึ่งแล้ว แล้วไม่จำเป็นต้องผูกดวงประการใดดูทางใน(ใจ)ได้ทันที ยิ่งท่านหมั่นทำความเข้าใจกับความหมายของราศีได้มากเท่าใด ท่านจะยิ่งพิจารณาได้ละเอียดลึกซึ้งมากขึ้น บทเรียนนี้ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สำคัญที่สุดในวิชาโหราศาสตร์ ทั้งโหราศาสตร์เบื้องต้นและโหราศาสตร์ขั้นสูงที่จะได้ศึกษาต่อไปในอนาคต(อันใกล้)

ปรัชญาของจักรราศี

Wed, 02 Sep 2009 20:55:54 +0700

ปรัชญาของจักรราศีทั้งสิบสอง นักโหราศาสตร์สามารถตีความตามอิทธิพลของจักรราศีหรือท้องฟ้าหรือปรมาตมัน โดยอาศัยการเทียบเคียงตำแหน่งการโคจรของดวงอาทิตย์กับความเป็นไปในธรรมชาติเป็นระยะ เนื่องจากอาทิตย์เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ ความหมายอาทิตย์จริงเทียบเคียงได้กับ “ชีวิต” โดยอุปมา ดังนั้นจักรราศีจึงมีธรรมชาติหรือความหมายที่สอดคล้องกับสรรพสิ่งบนโลก นั่นคือ มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีความเป็นอนิจจัง หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักรเรื่อยไป นักโหราศาสตร์ได้พยายามจัดแบ่งราศีให้สอดคล้องกับธรรมชาติบนโลก จนในที่สุดพบว่าการแบ่งจักรราศีเป็น 12 ราศี มีความสอดคล้องกับจังหวะชีวิตมากที่สุด นั่นหมายความว่า ในเมื่อท้องฟ้ามี 12 ราศีหรือ 12 หมวดหมู่ ทุกสรรพสิ่งบนโลกย่อมแบ่งเป็น 12 หมวดหมู่ด้วยเช่นกันและในทำนองเดียวกัน ถ้าเราเข้าถึงอิทธิพลของความหมายของจักรราศีมากขึ้นเท่าใด เราก็จะรู้ถึงความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งในโลกมากเท่านั้น ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ธรรมชาติของจักรราศี เริ่มจากราศีเมษ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวงรอบของธรรมชาติ นั่นคือการเกิด การเริ่มต้น เมื่อเกิดมาแล้ว ย่อมต้องมีการกินหรือการสะสมในรูปแบบต่างๆ ธรรมชาติของการสะสม เป็นธรรมชาติของราศีพฤษภ พัฒนาการขั้นต่อไปคือ การติดต่อกับสิ่งแวดล้อมที่ใกล้ชิด สัตว์ปีกจะเริ่มหัดบิน มนุษย์ก็จะเริ่มหัดคลาน หัดเดิน หัดพูด รวมถึงการศึกษาหาความรู้ต่างๆนี่คือธรรมชาติของ ราศีมิถุน เมื่อผ่านขั้นตอนเรียนรู้มาแล้ว เขาก็ย่อมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งแรกที่มนุษย์รู้จักก็คือบ้าน บิดา มารดา ขณะเดียวกันก็จะเกิดสัญชาตญาณในการอาย การปกป้องตัว ธรรมชาติจะเริ่มปลูกฝังอารมณ์ให้แก่เขา เด็กจะเริ่มหยุดร้องรู้จักปกปิด รู้จักอาย ต้นไม้จะเติมไปด้วยกิ่งก้านสาขาอันหนาทึบ ทั้งหลายเหล่านี้เป็นอิทธิพลของราศีกรกฎ สำหรับราศีสิงห์ สอดคล้องกับธรรมชาติ คือ เป็นระยะที่ธรรมชาติต้องการจะเอาชนะ มนุษย์จะเต็มไปด้วยความต้องการ ความปรารถนา การไม่ยอมแพ้ใคร จะเกิดความรักความหวงแหนขึ้น อิทธิพลของราศีสิงห์ก็จะพัฒนาตัวเองไปสู่ราศีกันย์ เพื่อความอยู่รอดก็ต้องทำงานเลี้ยงตนเอง เป็นการตอบสนองการต้องการเอาชนะหรือการไม่ยอมแพ้ใครนั่นเอง เมื่อมีการทำงานเกิดขึ้น ย่อมมีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้อื่น มีหุ้นส่วน บริษัท ผู้ร่วมคิดเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นจังหวะที่มีโอกาสพบคู่ครอง ธรรมชาติสอนให้รู้จักการพบกันครึ่งทาง การสร้างเสน่ห์ การเอาอกเอาใจผู้อื่น มีการสังคมเกิดขึ้น เป็นจังหวะของการพบคู่ครอง มีคู่ใจ ราศีตุลย์จึงต้องควบคุมอิทธิเหล่านี้ไว้ทั้งสิ้น ราศีพิจิกเทียบได้กับคนที่เพิ่งแต่งงานใหม่ เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ชีวิตมีธรรมชาติลึกลับ ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ต้องรู้จักเสียสละ ชีวิตเต็มไปด้วยความเสี่ยง ผจญทั้งโรคภัยไข้เจ็บและความตาย ราศีพิจิกจึงเป็นราศีของนักสู้โดยแท้จริง หลังจากผ่านเป็นผ่านตาย ผ่านร้อนผ่านหนาวจากราศีพิจิกมาแล้ว ธรรมชาติก็จะให้รางวัลแก่เขาด้วยสิ่งที่เรียกว่าปัญญา อุดมการณ์ มีการหันมาสนใจปรัชญา ศาสนามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความคิดอ่านกว้างขวางกว่าเดิม เป็นการเรียนรู้อีกขั้นหนึ่งของธรรมชาติ ไม่ใช่การเรียนรู้ใกล้(ราศีมิถุน) แต่เป็นการรู้ไกล เมื่อสู่อิทธิพลราศีมังกร ก็จะเป็นเรื่องของการบรรลุถึงเป้าหมายของชีวิตทางด้านนอก แต่พัฒนาการทางด้านในยังคงดำเนินต่อไป มนุษย์จะเริ่มหมดครับรู้สึกทางวัตถุ ความคิดด้านอุดมการณ์จะพัฒนาต่อเนื่องไปมากขึ้น สิ่งมีชีวิตเริ่มแก่ชราและรู้ซึ้งถึงความสันโดษ ความโดดเดี่ยวอ้างว้าง พลัดพรากเริ่มมาเยือน ทุกสิ่งที่อยู่กับธรรมชาติจะมีสภาพเหมือนเพื่อนแท้ หลังจากการบรรลุถึงเป้าหมายของชีวิตแต่ละครั้ง มักมีการพัฒนาการเกิดขึ้น ซึ่งเป็นอิทธิพลราศีกุมภ์ สำหรับราศีมีน ซึ่งเป็นราศีสุดท้ายของจักรราศี เป็นราศีที่สร้างการสลายตัวให้กับธรรมชาติ อันเป็นจุดจบของวงรอบในธรรมชาติ หมายถึงการตาย ความเปล่าเปลี่ยวอย่างที่สุด ความสันโดษ อ้างว้าง ความวิเวกวังเวง ธรรมชาติของชีวิตและจักรราศีจึงมาถึงจุดสิ้นสุดที่ราศีมีน เพื่อรอการเกิดหรือเริ่มต้นใหม่ที่ราศีเมษ เป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป หากพิจารณากันให้ดีแล้ว จะเห็นว่าโลกเรานี้เปรียบเสมือนต้นไม้มหึมาต้นหนึ่งสรรพสิ่งทั้งหลายที่เวียนว่ายตายเกิดกันอยู่นี้ ก็ไม่ผิดอะไรกับใบไม้ใบเล็กๆที่ผลิออกมาตามฤดูกาล แล้วก็เหี่ยวแห้งล้มหายตายจาก เช่นเดียวกับใบไม้ตามฤดูกาลเป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด

ที่มาจักรราศี

Wed, 02 Sep 2009 20:53:11 +0700

ที่มาของจักรราศี จากสมาการแห่งจักรวาลข้อที่ 1 ที่ว่า “อาตมัน = ปรมาตมัน” ถ้าตีความหมายว่าอาตมันคือโลก ปรมาตมันคือท้องฟ้า ธรรมชาติของโลกและท้องฟ้าจึงน่าจะเทียบเคียงกันได้ ซึ่งอธิบายได้ดังนี้ 1. โลกมีรูปพรรณสัณฐานกลม ท้องฟ้าจึงน่าจะกลมด้วย ซึ่งก็คือความว่างเปล่าขนาดมหึมาที่ดูคล้ายกับกำลังครอบโลกเราอยู่ เราเรียกทรงกลมความว่างเปล่านี้ว่า ทรงกลมฟ้า (Geocentric Celestial Sphere) 2. โลกมีขั้วโลกเหนือใต้ ดังนั้นทรงกลมฟ้า ก็ควรมีขั้วฟ้าด้วย ขั้วฟ้าเหนือตรงกับขั้วโลกเหนือ ขั้วฟ้าใต้ตรงกับขั้วโลกใต้ 3. โลกมีเส้นศูนย์สูตร ทรงกลมฟ้าย่อมมีเส้นศูนย์สูตรฟ้าด้วย ซึ่งเป็นวงกลมที่ตรงกับเส้นศูนย์สูตรโลก เป็นเส้นแบ่งฟ้าเป็น 2 ซีก คือ ซีกฟ้าเหนือซีกฟ้าใต้ 4. ถ้าเรายืนอยู่บนโลกและมองออกมานอกโลก จะเห็นเหมือนดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก เราเรียกวิถีโคจรของดวงอาทิตย์เมื่อมองจากผิวโลกของทรงกลมฟ้านี้ว่า เส้นระวิมรรค (Ecliptic) หรือเส้นอุปราคา ซึ่งจะมุม e กับแกนเหนือใต้ของโลก (มุม e ปัจจุบันมีค่าประมาณ 22.5 องศา) มีชื่อเรียกทางเทคนิคว่า มุมอิคลิปติค (Ecliptic Angle) มีค่าเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเสมอ วิถีการโคจรนี้มีลักษณะเป็นทรงกลมใหญ่ มีทิศทางจากตะวันตกไปทิศตะวันออกตามธรรมชาติการโคจรของดวงอาทิตย์ วิถีการโคจรของดวงอาทิตย์ทำมุมกับเส้นศูนย์สูตรเท่ากับมุม e ด้วย เส้นระวิมรรคจะตัดกับเส้นศูนย์สูตรฟ้า 2 จุด ดังนี้ จุดตัดขาขึ้นเรียกว่า อุตตรวิษุวัต หรือ วิษุวัต (Vernal Equinox) จุดตัดขาลงเรียกว่า ทักษิณวิษุวัต หรือ ศารทวิษุวัต (Autumnal Equinox) และยังมีอีก 2 จุดที่มีความสำคัญยิ่งทางโหราศาสตร์ คือ จุดที่อาทิตย์โคจรปัดเหนือสุด เรียกว่า อุตตรมหากรานติ หรือ ศรีษมายัน (Summer Solstice) จุดที่อาทิตย์โคจรปัดใต้สุด เรียกว่า ทักษิณมหากรานติ หรือ เหมายัน (Winter Solstice) เส้นระวิมรรคนี่เองที่เป็นที่มาของจักรราศี จุดตั้งต้นของจักรราศีคือ จุดวิษุวัตหรือจุดเมษ นักโหราศาสตร์แบ่งเส้นระวิมรรคหรือจักรราศีเป็น 12 ส่วนเท่าๆกัน แต่ละส่วนมีชื่อเรียกว่า “ราศี” แต่ละราศีมีความกว้าง เท่ากับ 30 องศา มีชื่อเรียกคล้ายกับชื่อเดือน การแบ่งจักรราศีออกเป็นราศีต่างๆโดยใช้จุดเมษหรือจุดวิษุวัตเป็นจุดตั้งต้น เรียกว่า จักรราศีสายนะ (Tropical Zodiac) ซึ่งโหราศาสตร์ระบบยูเรเนี่ยนก็ใช้จักรราศีนี้ จักรราศีอีกระบบหนึ่งซึ่งใช้ตำแหน่งที่ตรงกับดาวฤกษ์จิตรา (Spica) เป็นจุดตั้งต้น เราเรียกระบบนี้ว่า จักรราศีระบบนิรายนะ (Sideral Zodiac) โหราศาสตร์ไทย พม่า และอินเดียใช้จักรราศีระบบนี้ จุดตั้งต้นจักรราศีทั้งสองระบบนี้มีค่าต่างกันประมาณ 22-23 องศา และจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆปีละ 55 ฟิลิปดา ค่าองศาของจุดตั้งต้นจักรราศีที่แตกต่างนี้ เรียกว่า ค่าอายนางศ์ (Precession)

ปรัชญามูลฐาน

Wed, 02 Sep 2009 19:37:06 +0700

ปรัชญามูลฐานหรือสมาการแห่งจักรวาล การค้นคว้าเพื่อบุกเบิกวิชาโหราศาสตร์นั้น ตามปกตินักโหราศาสตร์จะใช้ปรัชญานำ แล้วตามด้วยวิชาดาราศาสตร์หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ วิเคราะห์ธรรมชาติให้ถ่องแท้เสียก่อนโดยอาศัยความรอบรู้ทางปรัชญา แล้วจึงนำมาเทียบเคียงกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์โดยอาศัยหลักการอุปมา ปรัชญาจึงเป็นกุญแจดอกแรกที่ไขไปสู่ความเร้นลับต่างๆที่แฝงอยู่ในโลกอันมืดสนิทนี้ มีหลักปรัชญาที่เป็นปรัชญาพื้นฐานที่นักโหราศาสตร์ทุกคนต้องรู้ เพราะถือเป็นรากฐานที่สำคัญของกฎการพยากรณ์จำนวนไม่น้อย ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการนำไปสู่การไขความจริงทั้งหลายที่เราอยากรู้ ปรัชญามูลเป็นสมาการแห่งจักรวาลมีอยู่ 2 ประการ คือ 1. อาตมัน = ปรมาตมัน (Microcosm & Macrocosm) อธิบายขยายความได้ดังนี้... อันจักรวาลของเรานี้ย่อมมีสภาพเป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งมีความใหญ่โตมโหฬารอันหนึ่ง ส่วนทุกส่วนในจักรวาลล้วนมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน จักรวาล คือ ปรมาตมัน หรือ มหาพิภพ ส่วนมนุษย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลนั้น คือ อาตมัน หรือ จุลพิภพ อาตมันเป็นส่วนหนึ่งของปรมาตมันหรือจักรวาล ทุกอาตมันย่อมจะมีความเป็นไปตามกฎอันเดียวกัน เป็นไปในแนวเดียวกันหรือละม้ายคล้ายกัน ด้วยหลักปรัชญาข้อนี้เองที่เป็นที่มาของคำกล่าวของท่านเฮอร์เมส ตริสเมจิสโตส ที่ว่า “สิ่งที่อยู่ข้างบนก็เหมือนสิ่งข้างล่าง สิ่งที่อยู่ข้างล่างก็เหมือนกับสิ่งข้างบนทำให้สิ่งๆหนึ่งผิดแปลกไป (As above, so below)” เราสามารถหยั่งรู้ถึงสิ่งทั้งหลายในจักรวาลนี้ด้วยกฎข้อนี้ พร้อมๆกับอาศัยหลักอุปมา อันเป็น “การอุปมาแห่งสวรรค์” เป็นกฎแห่งจักรวาลที่ควบคุมสรรพสิ่งทั้งหลาย หากผู้ใดรู้ส่วนหนึ่งของจักรวาลได้ ผู้นั้นย่อมรู้ส่วนที่เหลือโดยอาศัยหลักการอุปมา 2. อดีต ปัจจุบัน อนาคต ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน อธิบายได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต โดยหลักการอุปมาแล้วจะเหมือนกันสนิทกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ดังนั้น อดีต ปัจจุบัน อนาคต ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน เวลาล้วนไม่มีความหมาย เพราะคิดๆดูแล้ว เวลาเป็นเพียงสิ่งที่สมมุติขึ้น ปัจจุบันจะทรงอยู่เพียงชั่วขณะหนึ่ง และผ่านเลยไปเป็นอดีต และพุ่งเข้าหาอนาคต อนาคตก็จะกลายเป็นปัจจุบันและเป็นอดีตในไม่ช้า เป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป เทพผู้สร้างโลกมิได้รับรู้ในความเป็นอดีตและอนาคตแต่ประการใด แต่พระองค์เป็นผู้ให้สิ่งทั้งหลายมาเกิดชีวิตละหนึ่งชาติภายใต้กฎเกณฑ์ต่างๆที่ควบคุมทั้งปรมาตมันและอาตมัน ชีวิตทุกชีวิตจะมีพรหมลิขิตชีวิตเอาไว้ เหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นล้วนถูกกำหนดและลิขิตล่วงหน้าไว้ชั่วกัปชั่วกัลป จะเห็นได้ว่าหลักปรัชญาข้อนี้ สอดคล้องกับคำสอนทางศาสนาพุทธที่ว่า “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วทุกอย่างจะดีเอง” นั่นคือ ถ้าเราสร้างกรรมปัจจุบันให้ดี กรรมนี้จะเป็นอดีตในไม่ช้า เมื่อถึงวงรอบที่เหมาะสม เหตุการณ์ดังกล่าวก็จะกลับมาซ้ำรอบอีกครั้ง ซึ่งวงรอบต่างๆมีทั้งวงรอบของวัน ของเดือน ของปี ของชีวิต หลักปรัชญาข้อนี้จึงถือเป็นกุญแจแม่บทที่สำคัญในการดำเนินชีวิตให้เกิดผลดีหรือมีประสิทธิภาพที่สุด

บทนำ

Wed, 02 Sep 2009 19:34:32 +0700

วิชาโหราศาสตร์ คือ อะไร? แรกเริ่มของการศึกษา ถ้าเราจะละเว้นไม่กล่าวถึงความหมายที่เราจะศึกษา ก็คงจะผิดธรรมเนียมเป็นแน่แท้ และที่สำคัญก็คือในสังคมบ้านเรา มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจโหราศาสตร์ในทางที่ผิด ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายๆสาเหตุ ที่สำคัญก็คือ ยังไม่ได้ให้โอกาสตนเองอย่างแท้จริงที่จะเข้ามาสัมผัสหรือพิสูจน์ความรู้สึกหรือความเห็นที่ตนเองมีต่อโหราศาสตร์ว่าถูกต้องหรือยัง ผมในฐานะที่มีโอกาสได้สัมผัสความเป็นจริงของโหราศาสตร์ ซึ่งมั่นใจได้ว่าลึกซึ้งในระดับหนึ่ง จึงไม่ละทิ้งโอกาสที่จะหันเหให้ผู้คนทั้งหลายหันมาเข้าใจวิชาโหราศาสตร์ในทิศทางที่ถูกต้อง ในคำนำบทที่ 1 ของคัมภีร์สูตรเรือนชะตาอยู่ตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “บนท้องฟ้าอันไพศาลซึ่งประกอบไปด้วยดวงดาวอันระยิบระยับของจักรวาล ความสว่างและความมืดที่ปรากฏสลับกันไปในแต่ละวัน เสมือนมีผู้คอยพลิกหน้ากระดาษของฟ้าวันละหน้าๆนั้น หากมีใครสักคนที่เป็นทิพย์อ่านความระยิบระยับนั้นออก เขาก็คงจะรู้ว่าความเร้นลับที่ฟ้าพลิกผ่านไปในแต่ละวันคือ บันทึกลับที่บอกความเป็นไปต่างๆของมนุษยชาติและสรรพสิ่งทั้งปวงในจักรวาลที่กำลังจะอุบัติขึ้น ปรากฏการณ์ที่ปรากฏมาแต่ไหนแต่ไรนี้ ท่านผู้ทรงไว้ซึ่งปัญญาในอดีตที่ไม่เคยมองข้าม กล่าวคือ จากการศึกษาย้อนประวัติศาสตร์ไปในสมัยดึกดำบรรพ์พบว่า มนุษย์เราค้นพบศาสตร์ที่สามารถเข้าไปสัมผัสความลี้ลับนั้น ตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล ซึ่งศาสตร์ทิพย์ศาสตร์นี้ก็คือ โหราศาสตร์ ที่เรากำลังศึกษาค้นคว้ากันอยู่ในปัจจุบันนี่เอง” วิชาโหราศาสตร์มีชื่อในภาษาต่างประเทศว่า “Astrology” อาจารย์ประยูรกล่าวไว้ใน “อารัมภบทโหราศาสตร์” ว่า “วิชาโหราศาสตร์ คือ วิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยการค้นหาความจริง โดยอาศัยปรากฏการณ์บนท้องฟ้าเป็นมูลฐาน” และกล่าวถึงลักษณะของวิชาโหราศาสตร์ไว้ว่า วิชาโหราศาสตร์เป็นศาสตร์ทางปัญญาที่เกี่ยวกับปรัชญาอันสูงยิ่ง เครื่องมือสำคัญของวิชาโหราศาสตร์ คือ ตรรกศาสตร์ (Logic) โดยเฉพาะ การอุปมา (Analogy) เมื่อศึกษาสูงขึ้นจะพบว่ามีธรรมชาติคล้ายเป็นศาสนาๆหนึ่ง และที่สำคัญหลักการทั้งหลายเข้ากันกับพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี ท่านที่ศึกษาวิชาโหราศาสตร์คงอยากทราบว่าเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการศึกษาวิชานี้ ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้ 1.ได้ปัญญาความรู้และฝึกให้เป็นผู้มีเหตุเป็นผล 2.ใช้ประโยชน์สำหรับการณ์พยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต 3.ประยุกต์ใช้กับการณ์วางฤกษ์ยามต่างๆ 4.เป็นความรู้พื้นฐานสำหรับวิชาพยากรณ์สาขาอื่นๆ 5.ใช้สำหรับการบุกเบิกจักรวาลเพื่อสำรวจสิ่งและส่วนที่มนุษย์ยังไม่ทราบ พอทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ท่านคงตะหนักแล้วว่าเวลาที่ทุ่มเทให้กับการศึกษาวิชาโหราศาสตร์นั้น ไม่มีการเสียเปล่าอย่างแน่นอน แต่ใครจะได้รับประโยชน์มากหรือน้อย ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับตัวท่านเองด้วย